วิษณุ ! เบรกหาเสียงช่องทางไหนก็ไม่ได้ !!!
"วิษณุ"ชี้หาเสียงช่องทางไหนก็ไม่ได้ "งง"ทำไมพูดแต่ข่องทางออนไลน์"ระบุ"รมต.ควบตำแหน่งหัวหน้าพรรค ไม่มีกม.ห้ามแถมส่งเสริมปชต.
ที่สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีรังสิต นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีมีการเผยแพร่ภาพรถแห่ของกลุ่มประชาภิวัฒน์และชาวพิษณุโลกเชิญชวนแสดงความคิดเห็นและจัดทำนโยบายร่วมกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ว่า ตนไม่ขอตอบอะไรเกี่ยวกับการทำกิจกรรมเฉพาะอย่าง เพราะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลอยู่แล้ว ทั้งตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)หรือคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ตนซึ่งอยู่ในซีกรัฐบาลคงไม่วินิจฉัยอะไร แต่ถ้าให้เตือนสามารถเตือนได้ว่าให้ระมัดระวัง เพราะทุกอย่างอยู่ในสายตา หากวันหนึ่งจะมีการนำมาใช้ประโยชน์ เมื่อถึงวันที่รู้ผลแพ้ชนะเลือกตั้งอาจยกมาเป็นเหตุผล ซึ่งวันนั้นจะอันตราย เช่น การเลือกตั้งที่ผ่านมาที่เตือนกันเท่าไรก็ไม่ฟัง ทำไปก็ไม่มีใครว่า แต่วันหนึ่งมีการฟ้องร้องกัน พอยกเรื่องขึ้นมาก็หงายหลังเลย การเลือกตั้งกลายเป็นโมฆะไปเลยด้วยซ้ำ ดังนั้น เมื่อทุกคนรู้ว่ามีคนจ้องเก็บหลักฐานอยู่ก็อย่าไปทำอะไรผิด และอะไรที่สุ่มเสี่ยงก็ให้เก็บเป็นหลักฐานไว้ หลังการเลือกตั้งค่อยเอามาว่ากัน
การอนุญาตให้พรรคการเมืองสามารถประชาสัมพันธ์ในการหาสมาชิก จะสุ่มเสี่ยงเป็นช่องให้หาเสียงได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ได้อยู่ที่ถ้อยคำ แต่อยู่ที่เนื้อหา รูปแบบ วิธีการเป็นสำคัญ ส่วนการเปิดนโยบายในการหาสมาชิกพรรคนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะบอกว่าพรรคตัวเองกำลังคิดอะไร เพราะฉะนั้น ไม่ใช่การหาเสียง การแสดงนโยบายหรือคิดว่าประเทศควรมีหน้าตาเป็นอย่างไร เป็นสิ่งที่พูดได้
"ผมจะบอกว่าถ้าพูดเป็น มันพูดได้ แต่เมื่อไรที่วกกลับเข้ามาว่าจงเลือกพรรคของเรา หมายเลขนี้ นายคนนี้ ถ้าแบบนี้คือหาเสียง" นายวิษณุกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การแสดงวิสัยทัศน์ถือเป็นกิจกรรมทางการเมืองหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า เราใช้คำพูดกันว่าห้ามทำกิจกรรมทางการเมือง แต่ในคำสั่งจริงๆไม่ได้ใช้คำนี้ คำสั่งระบุว่าห้ามชุมนุมกันเกิน 5 คนเพื่อทำกิจกรรมทางการเมือง ดังนั้น ต้องไปแปลกันว่าการทำกิจกรรมทางการเมืองคืออะไร แต่การพูดอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ทุกฝ่ายพูดได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)จะมีการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค ผู้สมัครสามารถแสดงวิสัยทัศน์ได้หรือไม่ รองนายกฯกล่าวว่า ทำได้ เพราะเมื่อจะประชุมพรรค พรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องแจ้งกกต.อยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคการเมืองยังตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับข้อห้ามการใช้สื่อโซเชียลมีเดียในการประชาสัมพันธ์ นายวิษณุกล่าวว่า เวลาเราพูดสั้น ๆ ว่าห้ามใช้สื่อโซเชียลในการหาเสียง จะว่าถูกก็ถูก จะว่าผิดก็ผิด ที่ถูกเพราะเขาห้ามจริง ๆ แต่ก็ห้ามเฉพาะช่วงนี้เท่านั้น เมื่อปลดล็อกแล้วทุกพรรคก็ใช้ได้ แต่ที่วันนี้ห้ามไว้ อย่าว่าแต่ใช้สื่อโซเชียลหาเสียงเลย ใช้อะไรก็ไม่ได้
ดังนั้นเวลามาเน้นกันว่าห้ามใช้สื่อโซเชียลในการหาเสียง จึงฟังดูมากเกินความจริง เพราะจะใช้อะไรหาเสียงก็ไม่ได้อยู่แล้ว ตนไม่รู้จะพูดกันทำไม เมื่อไรที่ปลดล็อกเขาก็ให้ใช้ได้ แต่ถ้าใช้ไม่ได้ค่อยมาตำหนิกัน ส่วนที่มีการโจมตีรัฐบาลว่าใช้สื่อในการประชาสัมพันธ์อยู่นั้น ตนทราบและเข้าใจว่ามีคนที่พยายามดิสเครดิต คงต้องปล่อยให้เขาทำไป และคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญที่ช่วงนี้ใกล้การเลือกตั้ง เพราะไม่ว่าจะเป็นเวลาปกติหรือใกล้เลือกตั้งพอดี รัฐบาลก็ต้องทำหน้าที่อยู่แล้ว ดังนั้น รัฐบาลต้องมีกำลังใจในการทำหน้าที่เพื่อประชาชนต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตอบโต้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมถือเป็นความไม่สงบที่ส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า "ไม่ตอบ เพราะผมไม่รู้"
ส่วนยิ่งใกล้วันเลือกตั้งแต่ละพรรคเริ่มออกมาโจมตีกัน นายวิษณุกล่าวว่า เป็นสิ่งที่คาดการณ์ไว้ว่าจะเกิดขึ้น ดังนั้นจึงมีการระมัดระวังในช่วง 90 วันนี้ที่ให้เป็นเพียงการคลายล็อก เพราะหากปลดล็อกยิ่งจะเชิญชวนให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเร็ว
ผู้สื่อข่าวถามถึงความชัดเจนของรัฐมนตรีที่จะเข้าสังกัดพรรคการเมืองว่าสามารถดำรงตำแหน่งอยู่ได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ความชัดเจนมีมานานแล้วว่ารัฐมนตรีจะไปทำอะไรก็ได้โดยไม่ต้องลาออก แต่หากเสี่ยงต่อคำครหานินทา ก็แล้วแต่ความรับผิดชอบของแต่ละคน ถ้าแบ่งเวลาได้หรือทำได้ดี ไม่เอาเวลาราชการไปทำงานการเมืองของพรรค ถ้าแบบนั้นก็ทำได้ แต่ถ้าทำแบบนั้นไม่ได้ก็ลาออกไป ที่สำคัญ รัฐมนตรีจะลงสมัครรับเลือกตั้งไม่ได้ แต่สามารถดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่างๆได้ เพราะไม่มีอะไรห้าม แต่ในสังคมไทย แม้กฎหมายไม่ได้ห้ามก็มีสิ่งที่ถูกตำหนิได้ซึ่งต้องไปคิดเอง
ส่วนหากเป็นรัฐมนตรีและดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคการเมืองด้วย จะถูกสังคมตำหนิหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า "ไม่น่าจะตำหนิ แต่กลับเป็นการส่งเสริมระบอบประชาธิปไตยด้วยซ้ำไป ข้อสำคัญคือต้องไม่ใช้ความเป็นรัฐมนตรีไปทำประโยชน์ให้พรรคที่ตนเป็นสมาชิกหรือเป็นหัวหน้า"