ศาลสั่งคุก 4,355 ปี 'ซินแส โชกุน' ตุ๋นเที่ยวญี่ปุ่น พร้อมปรับกว่า 435 ล้าน
เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 2561 ที่ห้องพิจารณา 906 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีฉ้อโกงประชาชน หมายเลขดำ อ.2176/2560 ที่พนักงานอัยการคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 2 เป็นโจทก์ฟ้อง บริษัท เวลท์เอเวอร์ จำกัด โดย น.ส.พสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ หรือซินแสโชกุน กับพวกรวม 10 คน เป็นจำเลยที่ 1-10 ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนฯ, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อความเป็นเท็จฯ
กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 25 ม.ค. - 11 เม.ย. 2560 ซินแสโชกุน จำเลยที่ 2 - 10 กับพวกร่วมกันหลอกลวงฉ้อโกงประชาชน โดยใช้เพจเฟซบุ๊ค "WEALTH EVER FOR LIFE" และไลน์กลุ่ม ประกาศเชิญชวนให้ประชาชนสมัครเข้าเป็นสมาชิก และร่วมลงทุนกับพวกจำเลย จำหน่ายผลิตภัณฑ์ เสริมอาหารบำรุงสมอง MASTERMIND ของบริษัท ALLYSIAN โดยจะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนทำให้ร่ำรวยขึ้น โดยมีการจัดประชุมสัมมนาจัดโปรแกรมท่องเที่ยวให้สมาชิกเดินทางไปเมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ระหว่าง 10 - 15 เม.ย. 2560 และ 11- 16 เม.ย. 2560 โดยเครื่องบิน AIR BUS A330-300 ขนาด 377 ที่นั่ง ของสายการบินคาร์เธ่ แปซิฟิก จำนวน 6 ลำ จนมีประชาชน 871 ราย หลงเชื่อสมัครเข้าเป็นสมาชิกและร่วมลงทุนทำธุรกิจกับบริษัทจำเลยที่ 1 กับพวกได้รับความเสียหายจำนวนมาก
นอกจากนี้ระหว่างวันที่ 1 มี.ค.- 10 เม.ย. 2560 ซินแสโชกุน จำเลยที่ 2 ยังได้ ลักลอบนำผลิตภัณฑ์อาหารเสริม MASTERMIND ชนิดแค็บซูล และอาหารเสริม SMART KIDS เข้ามาในราชอาณาจักรหลายครั้งหลายหน รวมมูลค่าสินค้าและอากรแสตมป์ 945,131 บาทเศษ ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ2550, พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ2469, พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 โดยจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ
วันนี้ศาลเบิกตัวจำเลยซึ่งไม่ได้รับการประกันตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ และทัณฑสถานหญิงกลางมาฟังคำพิพากษา
โดยต่อมาศาลได้มีคำพิพากษาให้จำคุก 871 กระทง น.ส.พสิษฐ์ จำเลยที่ 2, น.ส.ทัศย์ดาว สมัครกสิกรรณ์ จำเลยที่ 5 เลขานุการ และ นางพารินธรญ์ หงส์หิรัญ ดัคกอร์ ผู้ดูแลการเงิน จำเลยที่ 8 คนละ 4,355 ปี แต่ให้คงจำคุกได้สูงสุดตามกฎหมายคนละ 20 ปี ปรับจำเลยที่ 2 อีก 20,000 บาท และให้จำเลยที่ 1, 2, 5, 8 ชดใช้เงินแก่ผู้เสียหาย 871 ราย พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันฟ้อง ปรับบริษัทจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 435,520,000 บาท ริบผลิตภัณฑ์ของกลาง และจ่ายเงินรางวัลผู้จับกุมจำเลยที่ 2, 5, 8 ร้อยละ 25 ของค่าปรับจำเลยที่ 1 เมื่อคดีถึงที่สุด จำเลยนอกจากนี้ให้ยกฟ้อง