ต่างประเทศ ผวา! เกาหลีใต้พบผู้ติดเชื้อ ‘ไวรัสเมอร์ส’ รายแรกในรอบ 3 ปี หวั่นระบาดหนัก
เกาหลีใต้พบผู้ติดเชื้อไวรัสเมอร์สรายแรกในรอบ 3 ปี หลังเดินทางกลับจากคูเวต เจ้าหน้าที่สั่งตรวจเข้มเที่ยวบินที่เดินทางมาจากตะวันออกกลาง หวั่นระบาดหนัก
สื่อต่างประเทศรายงานอ้างอิงจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งเกาหลี (เคซีดีซี) ว่า ได้ตรวจพบชายชาวเกาหลีใต้วัย 61 ปี ติดเชื้อไวรัสติดต่อทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือ โรคเมอร์ส ขณะนี้อยู่ระหว่างการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดและรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลในกรุงโซล
ผู้ป่วยรายนี้เดินทางกลับมาถึงกรุงโซลเมื่อวันศุกร์ (7 ก.ย. 2561) หลังจากเดินทางไปคูเวตเพื่อต่อต่อธุรกิจ ตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค.- 6 ก.ย. 2561 ถือเป็นผู้ติดเชื้อเมอร์สรายแรกของเกาหลีใต้นับตั้งแต่การระบาดเมื่อปี 2558 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 38 ราย
จอง อึน คยอง ผอ.เคซีดีซี กล่าวว่า ตอนนี้พบว่ามีผู้โดยสาร พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน และเจ้าหน้าที่การแพทย์ประมาณ 20 คนได้ติดต่อใกล้ชิดกับผู้ป่วย โดยพวกเขาอยู่ระหว่างการแยกตัวและเฝ้าระวังอาการที่บ้านพัก นอกจากนี้ยังพบผู้ป่วยรายหนึ่งมีอาการท้องร่วงที่สนามบินและถูกส่งตัวไปยังศูนย์การแพทย์ซัมซุง ซึ่งได้แยกตัวไว้แล้วที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล
ผอ.เคซีดีซี กล่าวต่อว่า เที่ยวบินทั้งหมดที่ออกจากประเทศในตะวันออกกลางมายังเกาหลีใต้จะต้องถูกกักกันไว้ โดยทั้งเคซีดีซีและรัฐบาลท้อถิ่นจะทำอย่างสุดความสามารถเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสเมอร์ส
โรคเมอร์ส
อ.นพ.สุสัณห์ อาศนะเสน ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ให้ข้อมูลไว้ว่า โรคเมอร์ส เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ ผู้ติดเชื้อจะมีอาการหลายอย่าง ตั้งแต่ มีไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหลคลื่นไส้อาเจียน ถ่ายเหลว จนกระทั่งหอบเหนื่อย ปอดอักเสบรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต
เมอร์ส ติดต่อจากการสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยโดยตรง สัมผัสสารคัดหลั่งต่างๆ เช่น น้ำมูก น้ำลาย เสมหะของผู้ป่วยที่ปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม หรือผ่านละอองฝอยที่เกิดจากการ ไอ จาม หายใจของผู้ป่วย โดยเฉพาะในระบะ 1 เมตร รวมถึงจากการสัมผัสสัตว์ที่เป็นแหล่งโรค เช่น อูฐ หรือการดื่มนมจากอูฐที่ปนเปื้อนเชื้อ
การก่อโรคเริ่มตั้งแต่สัมผัสโรคจนเริ่มมีอาการ ใช้ระยะเวลา 2–14 วัน โดยเฉลี่ยแล้วประมาณ 5-7 วัน ดังนั้นหากเดินทางไปในประเทศที่มีการแพร่ระบาด เช่น ประเทศในแถบตะวันออกกลางหรือเกาหลีใต้ ภายใน 14 วัน แล้วมีอาการไม่สบาย ก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้ได้
การรักษาในปัจจุบันเป็นการประคับประคองอาการ เนื่องจากยังไม่มียาต้านไวรัสที่มีประสิทธิภาพดี อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 30-40% ส่วนใหญ่ผู้ที่เสียชีวิตจะมีอายุมากกว่า 40 ปี และมีโรคเรื้อรังต่างๆ ร่วมด้วย โดยเฉพาะโรคไต โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคปอด
ที่มาข่าว:https://workpointnews.com/2018/09/09/%E0%B8%9C%E0%B8%A7%E0%B8%B2-%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%83%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%9E%E0%B8%9A%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%8A/