เผยโฉมสัญญารับเหมาโรงพัก 396 แห่ง จ่ายเงินล่วงหน้า 877.2 ล.
เปิดหนังสือสัญญารับเหมาก่อสร้างโรงพัก 396 แห่ง 5,848 ล. สตช.- บ.พีซีซีฯ กำหนดแล้วเสร็จ 17 มิ.ย.2555 วางเงินประกัน ธ.ออมสิน 292.4 ล. เอกชนรับเงินล่วงหน้า 877.2 ล. ก่อนก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ ถูกสอบสวน
กรณีโครงการการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 หลัง โดยบริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด เป็นคู่สัญญา วงเงิน 5,848 ล้านบาท ทำสัญญาวันที่ 25 มี.ค. 54 สิ้นสุดสัญญาวันที่ 17 มิ.ย. 55 (สัญญาเลขที่ ยธ.13/2554)
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำข้อมูลมารายงานไปแล้วใน 2 ประเด็นหลัก
หนึ่ง ข้อสังเกต 4 ข้อ ของคณะอนุกรรมการกลั่นกรองปัญหาการพัสดุและการพิจารณาอุทธรณ์และคำร้องเรียนตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2549 ในเรื่องวิธีการคำนวณราคากลางที่ไม่สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรี และ รูปแบบการทำสัญญาเป็นสัญญาฉบับเดียว เป็นการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของระเบียบ
สอง ความเป็นมาของโครงการ โดยกองพลาธิการและสรรพาวุธ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เสนอแนวการจัดซื้อจัดจ้าง 4 แนวทางคือ
1. จัดจ้างโดยส่วนกลาง สํานักงานตำรวจแห่งชาติ แบบรวมการใน ครั้งเดียว สัญญาเดียว 396 หลัง
2. จัดจ้างโดยส่วนกลาง สํานักงานตำรวจแห่งชาติ-แบบรวมการใน ครั้งเดียว โดยแยกการเสนอราคาเป็นรายภาค (ภาค 1- 9) และทําสัญญา 9 สัญญา
3. จัดจ้างโดยตํารวจภูธรภาค
4. จัดจ้างโดยตํารวจภูธรจังหวัด
คณะกรรมการพิจารณาระดับสำนักงานตำรวจฯเสนอให้ใช้แนวทางแรกคือ ดำเนินการจัดจ้างโดยส่วนกลางแบบรวมการครั้งเดียว โดยแยกการเสนอราคาเป็นรายภาค (ภาค 1-9) พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. เสนอต่อ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติการแทน นายกรัฐมนตรี ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี ได้ให้ความเห็นชอบ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2552 แต่ก็ไม่ได้ดําเนินการ ต่อมาเมื่อเปลี่ยนตัวผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็น พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการ ผบ.ตร. ได้เปลี่ยนแนวทางดำเนินการจ้างก่อสร้างทุกอาคารรวมกันในครั้งเดียวหรือสัญญาเดียว รองนายกฯก็ให้ความเห็นชอบ
คราวนี้มาดูเนื้อหาสาระของสัญญากันบ้าง?
สัญญาฉบับนี้ทำขึ้นเมื่อวันที่ 25 มี.ค.2554 ระหว่าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.ท.สุพร พันธุ์เสือ ผู้บัญชาการสำนักงานส่งกำลังบำรุง เป็นผู้แทนสำนักงานฯ ในฐานะ ‘ ผู้ว่าจ้าง’ กับ บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด สำนักงานใหญ่เลขที่ 292/1 ถ.เชียงใหม่ ลำปาง ต.ปัน อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ โดยนายวิศณุ วิเศษสิงห์ ผู้มีอำนาจลงนาม ในฐานะ ‘ผู้รับจ้าง’
เนื้อหาทั้งหมด 22 ข้อ
หลักประกันการปฏิบัติตามสัญญา ระบุใน ข้อ 3
ผู้รับจ้างนำหลักประกัน ธนาคารออมสิน สาขา ประตูช้างเผือก เลขที่ 3408-0005/2554 ลงวันที่ 25 มี.ค.2554 จำนวน 292,400,000 บาท มามอบให้แก่ผู้ว่าจ้าง
ค่าจ้างและการจ่ายเงิน ระบุในข้อ 4
ผู้ว่าจ้างและผู้รับจ้างตกลงรับเงินค่าจ้าง จำนวน 5,848,000,000 บาท ซึ่งรวมภาษีมูลค่าเพิ่มจำนวน 382,579,439.25 บาท ตลอดจนภาษีอื่นๆและค่าใช้จ่ายทั้งปวง ถือเป็นราคาเหมารวม และกำหนดการจ่ายเงินตามรายละเอียดงวดงานและการจ่ายเงินตามผนวกแนบท้ายสัญญา
เงินค่าจ้างล่วงหน้า ระบุในข้อ 5
ผู้ว่าจ้างตกลงจ่ายเงินล่วงหน้า ให้แก่ผู้รับจ้างเป็นจำนวนเงิน 877,200,000 บาท ซึ่งเท่ากับร้อยละ 15 ของราคาค่าจ้าง เงินจำนวนดังกล่าวจะจ่ายให้ ภายหลังจากที่ผู้รับจ้างได้วางหลักประกัน การรับเงินล่วงหน้า เต็มตามจำนวนเงินค่าจ้างล่วงหน้านั้นให้แก่ผู้ว่าจ้าง ผู้รับจ้างจะต้องออกใบเสร็จรับเงินค่าจ้างล่วงหน้า ตามแบบที่ผู้ว่าจ้างหนดให้
กำหนดเวลาแล้วเสร็จและสิทธิของผู้ว่าจ้างในการบอกเลิกสัญญา ระบุในข้อ 6
ผู้รับจ้างต้องเริ่มทำงานที่รับจ้าง ภายในวันที่ 26 มี.ค.2554 และจะต้องทำงานให้แล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในวันที่ 17 มิ.ย.2555 ถ้าผู้รับจ้างมิได้ลงมือทำงานภายในกำหนดเวลา หรือไม่สามารถทำงานให้แล้วเสร็จตามกำหนดเวลา หรือมีเหตุให้เชื่อได้ว่าผู้รับจ้างมิได้ลงมือทำงานให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลา หรือ จะแล้วเสร็จล่าช้าเกินกว่ากำหนดเวลา หรือ ผู้รับจ้างทำผิดสัญญาข้อใดข้อหนึ่ง หรือ ตกเป็นผู้ล้มละลาย หรือเพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการตรวจการจ้าง หรือ ผู้ควบคุมงานของผู้ว่าจ้าง หรือ บริษัทที่ปรึกษา ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากผู้ว่าจ้าง ผู้ว่าจ้างมีสิทธิที่จะบอกเลิกสัญญานี้ได้ และมีสิทธิจ้างผู้รับจ้างรายใหม่เข้าทำงานของผู้รับจ้างให้ลุล่วงไปได้ด้วย การที่ผู้ว่าจ้างไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาดังกล่าวข้างต้น ไม่เป็นเหตุให้ผู้รับจ้างพ้นจากความรับผิดตามสัญญา
ค่าปรับ ระบุในข้อ 16
หากผู้รับจ้างไม่สามารถทำงานให้แล้วเสร็จตามเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญา และผู้ว่าจ้างยังมิได้บอกเลิกสัญญา ผู้รับจ้างจะต้องชำระค่าปรับให้แก่ผู้ว่าจ้างเป็นจำนวน วันละ 5,848,000 บาท และจะต้องชำระค่าใช้จ่ายในการควบคุมงานในเมื่อผู้ว่าจ้างต้องจ้างผู้ควบคุมงานอีกต่อหนึ่งเป็นจำนวนวันละ 227,478 บาท นับถัดจากวันที่กำหนดแล้วเสร็จตามสัญญา หรือวันที่ผู้ว่าจ้างได้ขยายให้จนถึงวันที่ทำงานแล้วเสร็จจริง นอกจากนี้ผู้รับจ้างยอมให้ผู้ว่าจ้างเรียกค่าเสียหายอันเกิดขึ้นจากการที่ผู้รับจ้างทำงานล่าช้า เฉพาะส่วนที่เกินกว่าจำนวนค่าปรับและค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้อีกด้วย
ในระหว่างที่ผู้ว่าจ้างยังมิได้บอกเลิกสัญญานั้น หากผู้ว่าจ้างเห็นว่าผู้รับจ้างจะไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้ ผู้ว่าจ้างจะใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา และ ใช้สิทธิตามข้อ 17 ก็ได้ และถ้าผู้ว่าจ้างได้แจ้งข้อเรียกร้องไปยังผู้รับจ้าง เมื่อครบกำหนดแล้วเสร็จของานให้ชำระค่าปรับแล้ว ผู้ว่าจ้างมีสิทธิที่จะปรับผู้รับจ้างจนถึงวันบอกเลิกสัญญาได้
สิทธิของผู้ว่าจ้างภายหลังบอกเลิกสัญญา ระบุในข้อ 17
ในกรณีที่ผู้ว่าจ้างบอกเลิกสัญญา ผู้ว่าจ้างอาจทำงานนั้นเองหรือว่าจ้างผู้อื่นให้ทำงานนั้นต่อจนแล้วเสร็จได้ ผู้ว่าจ้างหรือผู้ที่รับจ้างทำงานนั้นมีสิทธิใช้เครื่องใช้ในการปฏิบัติงานชั่วคราวสำหรับงานซ่อมแซมและวัสดุต่างๆ ซึ่งเห็นว่าจะต้องสงวนเอาไว้เพื่อการปฏิบัติงานตามสัญญาตามที่จะเห็นสมควร
ในกรณีดังกล่าว ผู้ว่าจ้างมีสิทธิริบหลักประกันการปฏิบัติตามสัญญาทั้งหมดหรือบางส่วนตามแต่จะเห็นสมควร นอกจากนั้นผู้รับจ้างจะต้องรับผิดชอบในค่าเสียหายต่างๆที่เกิดขึ้น รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในการทำงานนั้นต่อให้แล้วเสร็จตามสัญญา และค่าใช้จ่ายในการควบคุมงานเพิ่ม (ถ้ามี) ซึ่งผู้ว่าจ้างจะหักเอาจากเงินจำนวนใดๆ ที่จะจ่ายให้แก่ผู้รับจ้างก็ได้
จะเห็นว่าโครงการนี้มีการจ่ายเงินค่าจ้างล่วงหน้า ให้แก่ผู้รับเหมา จำนวน 877,200,000 บาท (15%ของวงเงินคาจ้าง) อย่างไรก็ตาม ไม่มีข้อมูลว่าเอกชนรับเงินล่วงหน้าครบแล้วหรือไม่อย่างไร?
อ่านประกอบ:
เปิดคำชี้แจงผู้แทน สตช. เปลี่ยนวิธีจ้างโรงพัก 396 แห่ง ยุคปทีป - สุเทพ เห็นชอบ
เปิด 4 ข้อสังเกต กรมบัญชีกลางปมจ้างเหมาโรงพัก 396 หลัง ชัด‘ไม่ปฏิบัติตามมติ ครม.’
เปิดสถานะ ผู้รับเหมาโรงพัก 396 หลัง คู่สัญญารัฐหมื่นล. ล่าสุดเหลือรายได้ 14.2 ล.