พฤติกรรม‘ป๋าเกิด’กับพวก คดีค้ามนุษย์ ‘โคโยตี้’ ปปง.ยึดรถ 5 คัน
พลิกคำสั่ง ปปง. ดูพฤติกรรม‘ป๋าเกิด รวยจริงนะ’กับพวก คดีค้ามนุษย์ ใช้เฟซบุ๊กรับสมัครเด็กสาว‘โคโยตี้’สั่งเข้าห้องนอนดูหน้าอกจับก้น พาตะเวนเต้น สีลม สุขุมวิท หักหัวคิววันละ 200 บาทต่อคน ผิด กม.ฟอกเงิน ยึดรถยนต์ 5 คัน
1 ส.ค.2561 คณะกรรมการธุรกรรมในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีคำสั่ง อายัดทรัพย์ รถยนต์ 5 คัน คดีความผิดเกี่ยวกับค้ามนุษย์ นายเกิดใหม่ หรือป๋าเกิด รวยจริงนะ กับพวก ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์หรือความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาในความผิดเกี่ยวกับเพศ เฉพาะที่เกี่ยวกับการเป็นธุระจัดหา ล่อไป พาไปหรือรับไว้เพื่อการอนาจารซึ่งชายหรือหญิงเพื่อสนองความใครของผู้อื่นหรือความผิดฐานพรากเด็กและผู้เยาว์ เฉพาะที่เกี่ยวกับการกระทำเพื่อหากำไรหรือเพื่ออนาจาร หรือโดยทุจริต ซื้อ จำหน่ายหรือรับตัวเด็กหรือผู้เยาว์ซึ่งบุคคลเข้าเป็นราชการอยู่แล้วถูกพรากนั้น โดยมีพฤติการณ์ กล่าวคือ
เมื่อประมาณเดือน พ.ย.2559 ได้มี น.ส.ก้อย (ไม่ทราบชื่อ นามสกุลจริง) เพื่อนของ น.ส.วชิรินทรา คงมีสุข ผู้เสียหาย มาชักชวน ผู้เสียหายไปทำงาน เต้นโคโยตี้ โดยให้ผู้เสียหายเข้าดูรายละเอียดการทำงานจากเฟซบุ๊กชื่อ “งานกลางคืน งานเต้น” ผู้เสียหายตกลงจะไปทำงาน ผู้เสียหายกับเพื่อนจึงได้เข้าไปที่บ้านของนายเกิดใหม่ หรือป๋าเกิด ภายในซอยจรัญสนิทวงศ์ 35 แยก 20 เมื่อถึงบ้าน น.ส.แพท หรือเด็กหญิงรุ่งนภา เนินผา (ทราบภายหลังว่าเป็นภรรยานายเกิดใหม่) ได้ขอดูบัตรประชาชนของผู้เสียหาย จึงทราบว่าผู้เสียหายอายุไม่ถึง 18 ปี และได้ยึดบัตรประชาชนของผู้เสียหาย และได้นำบัตรประชาชนของ น.ส.นลินี ทองประยูร มาให้ผู้เสียหายเก็บไว้ เพื่อนำไปแสดงให้ทางร้านดูเวลาไปทำงาน
จากนั้นนายเกิดใหม่ได้ให้ผู้เสียหายเข้าไปที่ห้องนอน โดยให้ผู้เสียหายถอดเสื้อผ้าออกและได้จับหน้าอกและก้น ต่อมาได้พาผู้เสียหายไปที่บ้านพัก ในซอยจรัญสนิทวงศ์ 35 แยก 23 และให้ผู้เสียหายไปทำงานเป็นเด็กเต้นตามร้านต่างๆ แถว สีลม สุขุมวิท โดยนายเกิดใหม่จะได้ค่าหัวคิวจากที่เด็กไปทำงานคนละ 200 บาทต่อ 1 วัน หากเด็กได้ค่าดื่มเกินวันละ 2 ดื่ม นายเกิดใหม่จะได้ส่วนแบ่งดื่มละ 10 บาท โดยจะมีลูกน้องของนายเกิดใหม่ที่จ้างเป็นรายเดือนคอยคุมเด็กที่ร้านเต้น เมื่อทำงานเสร็จแล้วจะเป็นคนคอยคิดเงินและจ่ายเงินค่าจ้างให้กับเด็ก ส่วนค่าหัวเด็กและค่าส่วนแบ่งอื่นๆ ลูกน้องของนายเกิดใหม่จะโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากชื่อบัญชี น.ส.มลฤดี อินอ่อน ผู้เสียหายกับพวกทำงานเรื่อยมา
ต่อมาเมื่อวันที่ 30 ส.ค.2560 ผู้เสียหายได้หยุดงาน น.ส.พรรณวรท หรือ นินิว ผู้ควบคุม จึงดุด่าผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ว่าทำไมถึงไมมาทำงาน ผู้เสียหายได้กลับไปที่บ้านพักกลับถูก น.ส.พรรณวรทหรือนินิว ควบคุม ใช้มือตบที่ใบหน้าโดยอ้างว่ามีคนสั่งให้ทำ น.ส.พรรณวรทได้สั่งให้เด็กในบ้านถ่ายคลิปวิดิโอขณะทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย จากนั้นได้ส่งคลิปวิดิโอดังกล่าวลงในแอพพลิเคชั่นไลน์ กลุ่มบ้านโคโยตี้ ผู้เสียหายจึงได้ส่งคลิปวิดิโอดังกล่าวไปให้ น.ส.อัมพร คงมีสุข พี่สาวดู หลังจากนั้น วันที่ 5 ก.ย.2560 ผู้เสียหายได้ออกจากบ้านพักและนำคลิปวิดิโอไปโพสต์ลงเฟซบุ๊ก เพจโซเชียล ฮันเตอร์ ทำให้เป็นข่าวโด่งดัง
และต่อมาผู้เสียหายไปให้การต่อพนักงานสอบสวนกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยรับเป็นคดีอาญาที่ 22/2560 พนักงานสอบสวนได้สอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน แล้วสรุปสำนวนมีความเห็นสั่งฟ้องนายเกิดใหม่ ผู้ต้องหาที่ 1 น.ส.พรรณวรท ผู้ต้องหาที่ 2 และนางมลฤดี หรือม๊าแอม อินอ่อน ผู้ต้องหาที่ 3 ในความผิดฐานสมคบกันตั้งแตสองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ และได้ลงมือกระทำความผิดตามที่ได้สมคบกันโดยแสวงหาประโยชน์ทางเพศ รูปแบบอื่น และชักจูง ยุยง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กแสดงหรือกระทำอนาจารในลักษณะลามกต่างๆไม่ว่าจะเป็นไปเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าตอบแทนหรือเพื่อการใดอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 อันเข้าลักษณะเป็นความผิดตามมาตรา 3 (2) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 และมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่านายเกิดใหม่กับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินอันเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดดังกล่าว
สำหรับทรัพย์สินที่ถูกยึดเป็นรถยนต์ 5 คันอยู่ในชื่อของ น.ส.มลฤดี อินอ่อน
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก BRIGHT TV