‘ยูเอ็น’จี้จีนยุติจับ'ชาวอุยกูร์‘เข้าค่ายปรับทัศนคติ
เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 2561 สำนักข่าว BBC ของอังกฤษ รายงานว่า องค์การสหประชาชาติ (UN) เรียกร้องให้ทางการจีนยุติมาตรการจับกุมชาวอุยกูร์ ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่นับถือศาสนาอิสลามในเขตปกครองตนเองซินเจียงไป “เข้าค่ายปรับทัศนคติ” ขณะที่จีนออกมาปฏิเสธว่าไม่มีเรื่องดังกล่าว และย้ำว่าจีนกำลังเผชิญกับกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงและกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่ก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่
คณะกรรมการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติแห่งองค์การสหประชาชาติ (United Nations Committee on the Elimination of Racial Discrimination) ระบุพบข้อมูลที่เชื่อได้ว่าทางการจีนพบสิ่งก่อสร้างที่คล้ายกับเป็นค่ายกักกันในเขตปกครองตนเองซินเจียง อย่างไรก็ตาม ทางการจีนยืนยันว่าชาวอุยกูร์มีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกับพลเมืองจีนทั่วไป เว้นแต่บางส่วนที่มีความคิดทางศาสนาอย่างสุดโต่งจำเป็นต้องถูกย้ายที่อยู่และได้รับการศึกษาใหม่
คณะกรรมการของ UN เรียกร้องให้ทางการจีนปล่อยผู้ที่ไม่ได้ถูกจับกุมตามกฎหมายทั้งหมดทันที พร้อมเปิดเผยจำนวนของค่ายปรับทัศนคติและผู้ถูกควบคุมตัว รวมถึงให้มีการตรวจสอบข้อกล่าวหาต่อจีนในเรื่องนี้โดยคณะทำงานที่เป็นกลาง ซึ่งก่อนหน้านี้ องค์การนิรโทษกรรมสากล (Amnesty International) และองค์กรฮิวแมน ไรท์ วอตซ์ (Human Rights Watch) กลุ่มเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนระดับโลก ได้ร้องเรียนต่อ UN ว่ามีการบังคับให้ชาวอุยกูร์ในจีนที่ถูกควบคุมตัวตามค่ายเหล่านี้สาบานว่าจะจงรักภักดีต่อประธานาธิบดี สีจิ้นผิง (Xi Jinping) ของจีน
นอกจากนี้ยังรายงานด้วยว่า ผู้ถูกควบคุมตัวไม่มีกำหนดแน่นอนในการปล่อยตัวและไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา ถูกบังคับให้ตะโกนคำขวัญของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้รับอาหารการกินที่ไม่ดีนักอีกทั้งยังถูกทารุณกรรม ทั้งนี้ผู้ที่ถูกควบคุมตัวเข้าค่ายปรับทัศนคติจำนวนมากไม่เคยถูกตั้งข้อหาอาชญากรรมใดๆ มาก่อน และเมื่อถูกควบคุมตัวแล้วก็ไม่ได้รับสิทธิในการจัดหาทนายความ
คำแถลงของ UN เกิดขึ้นในเวลาที่จีนกำลังเผชิญกับความตึงเครียดทางศาสนา อาทิ ในเขตปกครองตนเองหนิงเซี่ย ชาวมุสลิมหลายร้อยคนได้ออกมาปกป้องมัสยิด อันเป็นศาสนสถานของศาสนาอิสลามไม่ให้ถูกทางการจีนทำลาย ทั้งนี้ชาวอุยกูร์เป็นประชากรที่อาศัยอยู่ในเขตปกครองตนเองซินเจียง โดยมีจำนวนร้อยละ 45 ของประชากรทั้งหมดในพื้นที่ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ทางการจีนย้ำถึงความจำเป็นในมาตรการควบคุมตัวเพื่อปรับทัศนคติต่อไปเพื่อต่อสู้กับความสุดโต่งทางศาสนา