3 คดีทุจริตในนราธิวาสศาลสั่งคุก อดีตนายก อบต.โกงโบนัส-ผอ.ร.ร. ออกใบจบ ป.6 มิชอบ
เปิด 3 คดีทุจริตศาลนราธิวาส-ศาลคดีทุจริตฯพิพากษา หลัง ป.ป.ช.ฟัน อดีต ผอ.โรงเรียน ออกใบจบ ป.6 มิชอบ คุก 1 ปี รับสารภาพเหลือคุก 6 เดือน แต่ป่วยรอลงอาญา 2 ปี - อดีตนายก อบต.กาเยาะมาตี โกงเงินโบนัส คุก 2 ปี รับสารภาพเหลือ 1 ปี ไม่เคยรับโทษมาก่อนรอลงอาญา 2 ปี - อดีตปลัด อบต.ลำภู เซ็นชื่อรับพัสดุงานลอยกระทงเท็จ คุก 2 ปี รับสารภาพเหลือ 1 ปี ให้โอกาสกลับตัวรอลงอาญา 2 ปี
หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org : เป็นคำพิพากษาของศาลจังหวัดนราธิวาส และศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 สืบเนื่องจากที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จ.นราธิวาส เคยชี้มูลความผิดทางอาญา และส่งให้พนักงานอัยการฟ้อง รวม 3 สำนวน ดังนี้
หนึ่ง คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดเมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2559 กรณี ผอ.โรงเรียนนิคมพัฒนา 2 ต.เกียร์ อ.สุคิริน จ.นราธิวาส ออกเอกสารหลักฐานแสดงผลการเรียน (ป.05) หรือใบสุทธิให้แก่นาย ค. ทั้งที่ไม่ได้จบหลักสูตรประถมศึกษาปีที่ 6 ตามหลักสูตรประถมศึกษา พ.ศ.2521
ศาลจังหวัดนราธิวาส มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 2560 ว่า ผอ.โรงเรียนนิคมพัฒนา จำเลย มีความผิด ให้จำคุก 1 ปี ปรับ 2 หมื่นบาท เนื่องจากจำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 6 เดือน ปรับ 1 หมื่นบาท
พิเคราะห์รายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยและคำแถลงการณ์ประกอบคำรับสารภาพของจำเลยแล้ว เห็นว่า จากประวัติครอบครัวและภูมิหลังของจำเลย จำเลยมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งไม่เคยสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้ใด และเคยรับราชการอยู่ใน อ.สุคิริน จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยจากการก่อการร้ายมาอย่างยาวนาน ถือว่าได้ทำประโยชน์แก่ทางราชการมามาก
อีกทั้งปัจจุบันจำเลยเป็นข้าราชการบำนาญอยู่ในวัยชรา และยังเจ็บป่วยด้วยโรคหัวใจและเคยประสบอุบัติเหตุรถชน จนได้รับบาดเจ็บสาหัส การลงโทษจำคุกในระยะสั้นย่อมไม่เป็นประโยชน์แก่จำเลยและสังคมโดยรวม เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน เพื่อให้โอกาสจำเลยได้กลับตัวประพฤติตนเป็นพลเมืองดีอีกสักครั้ง โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี แต่ให้คุมความประพฤติ 1 ปี มีเงื่อนไข ดังนี้
(1) ให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง ภายในเวลาคุมประพฤติตามที่พนักงานคุมประพฤติกำหนด
(2) ให้ทำงานบริการสังคมหรือสาธารณะประโยชน์ตามที่จำเลยและพนักงานคุมประพฤติเห็นสมควรเป็นเวลา 30 ชั่วโมง
ทั้งนี้ ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ คดีถึงที่สุด
สอง คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 2560 กรณีนายก อบต.กาเยาะมาตี กับพวก รวม 3 ราย ร่วมกันจัดทำเอกสารเบิกจ่ายเงินประโยชน์ตอบแทนอื่นเป็นกรณีพิเศษ (เงินโบนัส) ประจำปีงบประมาณ 2554 โดยนำเงินโบนัสร้อยละ 10 ของพนักงานส่วนตำบล และพนักงาจ้างของ อบต.กาเยาะมาตี จำนวน 24 ราย ที่พึงจะได้รับ เข้าบัญชีเงินฝากของนาย ข. โดยมิชอบ
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2560 ว่า จำเลยทั้ง 3 มีความผิดจำคุกรายละ 2 ปี ปรับรายละ 4 หมื่นบาท จำเลยทั้ง 3 ให้การรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกรายละ 1 ปี และปรับรายละ 2 หมื่นบาท
พิเคราะห์รายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยทั้งสามแล้ว เห็นว่าจำเลยทั้งสาม ไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน และเมื่อคำนึงประวัติและความประพฤติของจำเลยทั้งสามแล้วไม่ปรากฏว่า มีข้อเสียหายอีกทั้งมีความพยายามบรรเทาผลร้ายที่เกิดขึ้น เพื่อให้โอกาสจำเลยทั้งสามกลับตัวเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ทั้งนี้ ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ คดีถึงที่สุด
สาม คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดเมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2560 กรณีปลัด อบต.ลำภู และเจ้าพนักงานธุรการชำนาญงาน อบต.ลำภู ร่วมกันกระทำการทุจริตโดยจัดทำเอกสารใบส่งของ ใบกำกับภาษี และใบเสร็จรับเงิน แล้วลงลายมือชื่อในใบตรวจรับพัสดุแผ่นพับประชาสัมพันธ์โครงการงานวันลอยกระทง ประจำปี 2558 งบประมาณประจำปี 2559 ขององค์การบริหารส่วนตำบลลำภู อันเป็นเท็จ
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2561 ว่า จำเลยทั้งสองมีความผิด ให้จำคุกคนละ 2 ปี และปรับคนละ 40,000 บาท จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ 1 ปี และปรับคนละ 20,000 บาท
พิเคราะห์รายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยทั้งสองแล้ว เห็นว่า จำเลยทั้งสองไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน และเมื่อคำนึงถึงประวัติและความประพฤติของจำเลยทั้งสองแล้ว ไม่ปรากฏว่ามีข้อเสียหายร้ายแรง เพื่อให้โอกาสจำเลยทั้งสองกลับตัวเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ให้คุมความประพฤติจำเลยทั้งสอง โดยให้จำเลยทั้งสองไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือน ต่อครั้ง ภายในกำหนด 1 ปี ให้ทำงานบริการสังคมหรือสาธารณะประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติ และจำเลยทั้งสองตามสมควร 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ คดีถึงที่สุด