ชาวอาร์เจนตินาลุกฮือประท้วง หลังวุฒิสภาโหวตค้านกฎหมายทำแท้ง
ประชาชนชาวอาร์เจนตินานับร้อยคนก่อจลาจลในกรุงบัวโนสไอเรส หลังไม่พอใจที่วุฒิสภาโหวตคัดค้านร่างกฎหมายที่อนุญาตให้ผู้หญิงทำแท้งในระยะตั้งครรภ์ 14 สัปดาห์ ด้วยความสมัครใจได้ ขณะที่นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสตรีประกาศกร้าวว่าจะเดินหน้าทวงสิทธิ์ที่พึงได้รับต่อไป
สมาชิกวุฒิสภาอาร์เจนตินาอภิปรายมาราธอนนานกว่า 15 ชั่วโมง ก่อนลงมติไม่เห็นชอบด้วยคะแนนเสียง 38 ต่อ 31 ซึ่งทำให้ร่างกฎหมายฉบับนี้เป็นอันตกไป แม้ว่าสภาผู้แทนราษฎรจะโหวตเห็นชอบเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาก็ตาม
อย่างไรก็ดี เจสซี ไคลด์ ผู้อำนวยการหน่วยงาน Grantmaking and International Partnerships แห่งองค์กร International Women’s Health Coalition กล่าวกับหนังสือพิมพ์ Independent ของอังกฤษว่า “การเคลื่อนไหวของสตรีเป็นสิ่งที่หยุดไม่ได้” พร้อมเผยด้วยว่า พวกเธอมีแผนผลักดันให้รัฐสภาอาร์เจนตินาพิจารณาร่างกฎหมายนี้อีกครั้งในปีหน้า
“เราจะไม่มีวันถอยหลัง นักกิจกรรมเพื่อสิทธิสตรีจะรวมตัวกันเคลื่อนไหวต่อไป ส่วนใครที่ไม่ยอมฟังข้อเรียกร้องของเราจะจ่ายด้วยบทเรียนราคาแพงอย่างแน่นอน” ไคลด์กล่าว
หลังวุฒิสภาโหวตคัดค้าน ชาวอาร์เจนตินาหลายร้อยคนได้แสดงความไม่พอใจด้วยการขว้างปาสิ่งของและจุดพลุไฟ ส่งผลให้มีการปะทะกับตำรวจปราบจลาจลที่พยายามสลายการชุมนุมด้วยแก๊สน้ำตาและฉีดน้ำแรงดันสูง แต่ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ
ทั้งนี้ กฎหมายอาร์เจนตินาอนุญาตให้ผู้หญิงทำแท้งได้ในกรณีที่ถูกข่มขืน หรือการตั้งครรภ์นั้นทำให้ผู้หญิงมีความเสี่ยงถึงชีวิต ด้วยเหตุนี้จึงเกิดปัญหาการทำแท้งเถื่อนตามมา โดยในแต่ละปีมีผู้หญิงหลายพันคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนยากจน ต้องเข้ารับการรักษาภาวะโรคแทรกซ้อนอันเกิดจากการทำแท้งอย่างไม่ปลอดภัย
ด้านผู้เชี่ยวชาญมองว่า การตัดสินใจของวุฒิสภาอาร์เจนตินาครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า ภูมิภาคอเมริกาใต้โดยรวมยังคงต่อต้านการทำแท้งภายใต้อิทธิพลทางความเชื่อที่มีต่อคริสตจักรคาทอลิก แม้ว่าแรงศรัทธาจะเริ่มเสื่อมถอยลงจากข่าวอื้อฉาวการล่วงละเมิดทางเพศก็ตาม
ที่มา : https://thestandard.com