ประธานกกต.ปัดวางยาเลือกผู้ตรวจการเลือกตั้ง อ้างขยายเวลาคัดเลือกไม่ได้หวั่นถูกฟ้อง
เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2561 นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงข้อเสนอที่ต้องการให้ กกต.ขยายกรอบเวลาการคัดเลือกผู้ตรวจการเลือกตั้งออกไปก่อน เพื่อรอให้ กกต.ชุดใหม่เข้ามาคัดเลือก ว่า ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะต้องทำตามกฎหมายและระเบียบที่วางไว้ หากไม่ทำก็อาจถูกผู้ที่ได้รับการคัดเลือกฟ้องร้องได้ แล้วใครจะมาช่วยเรา อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่ได้มีการแต่งตั้งผู้ตรวจการเลือกตั้ง อยู่ในขั้นตอนรับฟังข้อมูลจากจังหวัดต่าง ๆ ว่าบุคคลที่คัดเลือก 8 คน มีคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามมีความประพฤติอย่างไร มีความเป็นกลางหรือไม่ กว่าจะแต่งตั้งก็ปลายเดือน ก.ย. คาดว่า กกต.ชุดนี้คงพ้นหน้าที่ไปแล้ว โดย กกต.ชุดใหม่น่าจะเป็นผู้ลงนามประกาศรับรอง และถ้าปรากฎว่ามีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้ตรวจการเลือกตั้งประพฤติมิชอบ ไม่เป็นกลาง ขาดคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 29 วรรค 7 กกต.มีมติปลดได้ทันที แม้จะแต่งตั้งไปแล้วก็ตาม
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่ารายชื่อผู้ตรวจการเลือกตั้ง ซ้ำกับ กกต.จังหวัดเดิมนั้น นายศุภชัย กล่าวว่า พิจารณาจากคุณสมบัติและประสบการณ์การทำงาน อย่ามอง กกต.จังหวัดว่าเป็นคนไม่ดี ต้องมองคนในแง่บวก แต่ถ้าเป็นคนไม่ดี มีความประพฤติไม่ดีก็ปลดได้ อีกทั้งผู้ตรวจการเลือกตั้งไม่ได้มีอำนาจในการทำสำนวน เพียงแต่ตรวจการทำงานของเจ้าหน้าที่ว่ามีการทุจริตเกี่ยวกับการเลือกตั้งหรือไม่เท่านั้น นอกจากนั้นยังมีองค์กรเอกชนหรือประชาชนตรวจผู้ตรวจการเลือกตั้งด้วย ส่วนที่สนช.จะแก้ พ.ร.ป.ว่าด้วย กกต.ก็เป็นอำนาจหน้าที่ที่สามารถทำได้ หากเห็นว่ามีปัญหาหรือข้อบกพร่อง
"แต่ถ้าไม่มีผู้ตรวจการเลือกตั้งก็ไม่สามารถเลือกตั้งได้ เนื่องจากตามกฎหมายกำหนดว่าหากมีการเลือก ส.ส.หรือมีการคัดเลือก ส.ว. ต้องมีผู้ตรวจการเลือกตั้ง หากมีการล้มกระดานผู้ตรวจการเลือกตั้งก็จะต้องคัดเลือกใหม่เพื่อทำหน้าที่ ส่วนจะกระทบโรดแมปเลือกตั้งหรือไม่ ก็ต้องดูกรอบเวลาการแก้ไขกฎหมาย ซึ่งผมไม่คิดในประเด็นนี้ เนื่องจากจะไปแล้ว แต่ในระหว่างที่ยังไม่มีการแก้ไขกฎหมาย กกต.ก็จะเดินหน้าไปตามอำนาจหน้าที่และกฎหมายที่กำหนดไว้ เมื่อ กกต.ชุดใหม่เข้ามาทำหน้าที่ก็สามารถปฏิบัติงานได้เลย"นายศุภชัย กล่าว
นายศุภชัย ยืนยันด้วยว่า “ไม่มีการวางยา เนื่องจากเข้ามาทำงานเพื่อประเทศชาติทั้งนั้น และไม่มีความจำเป็นที่จะตั้งคนของตัวเองเอาไว้ ทั้งนี้หาก กกต.ชุดใหม่เห็นว่ามีระเบียบใดไม่เหมาะสมก็สามารถออกมติแก้ไขได้”