เวทีเครือข่ายหญิงไทยปลุกกระแสสิทธิสตรีทำชุมชนเข้มแข็งยั่งยืน
เลขารมว.พัฒนาสังคมฯแนะหญิงไทยปลดโซ่ค่านิยมร่วมสร้างชุมชนเข้มแข็ง เวทีสมัชชาเครือข่ายฯเสนอรัฐคุ้มครองสิทธิ์เปิดให้มีส่วนร่วมการเมืองท้องถิ่น-ประเทศ ส่งเสริมเรียนภาษารับมืออาเซียนให้อำนาจตัดสินใจเท่าเทียมชาย
วันที่ 23 พ.ค.55 ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพฯ น.ส.อนุตตมา อมรวิวัฒน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) กล่าวถึงพลังผู้หญิงไทยกับการจัดการตนเองของชุมชนท้องถิ่นอย่างยั่งยืน ในเวทีสมัชชาขบวนเครือข่ายผู้หญิงไทยปฏิรูปชุมชนท้องถิ่น จัดโดยเครือข่ายผู้หญิงไทย และ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(พอช.)ว่า ประเทศไทยผู้หญิงมีจำนวนกว่า 32,462,466 คนคิดเป็นร้อยละ 50.9 ของประชากร หากมองในภาพการเป็นตัวแทนการมีส่วนร่วมในการพัฒนาทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง ที่ผ่านมาพบว่าผู้หญิงมีโอกาสเข้าร่วมน้อยกว่าผู้ชาย นั่นเป็นเพราะมาจากความคิดความเชื่อดั้งเดิมของคนในสังคมทีเห็นว่าผู้หญิงเหมาะกับการเป็นแม่บ้านแม่เรือนดูแลผู้ป่วยคนชรา ซึ่งนำไปสู่ความเชื่อเหล่านี้เปลี่ยนแปลงไม่ได้ นำไปสู่การจำกัดบทบาทกีดกันมีอคติ เลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม ผู้หญิงต้องเผชิญกับสภาวะความรุนแรงในหลายๆด้าน
“เพื่อขจัดความเชื่อแบบผิดๆผู้หญิงทุกคนต้องลุกขึ้นมามีบทบาทในการพัฒนาประเทศ โดยเริ่มจากครอบครัวชุมชน หากครอบครัวอบอุ่นชุมชนเข้มแข็งประเทศก็ได้รับการพัฒนาขณะที่ปัญหาบางปัญหาหากชุมชนจัดการตนเองได้จะดีกว่ารอให้รัฐบาลเข้ามาจัดการเชื่อว่าเครือข่ายผู้หญิงจะเป็นกลุ่มที่มีบทบาทสำคัญเพื่อร่วมพัฒนาแก้ไขปัญหาชุมชน ทำให้ชุมชนเข้มแข็งต่อไป”
นางศิริวรรณ บุตราช ประธานเครือข่ายผู้หญิงไทย กล่าวว่า เครือข่ายผู้หญิงตั้งเมื่อปี 2546 ต่อมามีการขยายเครือข่าย 5 ภาคเมื่อปี 2552 มีเป้าหมายให้ผู้หญิงไทยภูมิใจในบทบาทหน้าที่ในการพัฒนาชุมชน ทำให้ครอบครัวชุมชนมีความสุขยั่งยืน อีก 3 ปีข้างหน้าไทยจะเข้าร่วมอาเซียนซึ่งจะมีส่วนกระทบชุมชนหลายๆด้าน ขบวนเครือข่ายผู้หญิงในท้องถิ่นต้องมีความรู้เตรียมความพร้อมในความเปลี่ยนแปลง
“ผู้หญิงเป็นคนละเอียดอ่อนถือเป็นจุดแข็ง ต้องสร้างความมั่นใจให้เกิดขึ้น ไม่เพียงแต่ดูแลครอบครัว แต่ยังมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาชุมชนท้องถิ่น หากได้รับโอกาสจะมีความมั่นใจมากขึ้นนำไปสู่กระบวนการเข้มแข็ง เครือข่ายผู้หญิงจัดเวทีสมัชชาขึ้นเป็นครั้งแรกก็เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้หญิงเข้าไปมีส่วนร่วมในภาคส่วนสังคมสรุปบทเรียนการทำงานทั่วประเทศและเพื่อแลกเปลี่ยนความคิด กำหนดทิศทางงานพัฒนาให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน”
นางทิพรัตน์ นพลดารมณ์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(พอช.) กล่าวว่า ผู้หญิงมีบทบาทสูงทั้งการดูแลครอบครัวและการเข้าร่วมในภาคส่วนสำคัญประเทศ ผู้ชายที่ประสบความสำเร็จล้วนแล้วแต่มีผู้หญิงอยู่เบื้องหลัง ปัจจุบันผู้หญิงมีบทบาทมาก ในชุมชนมีประธานสภาองค์กรชุมชนเป็นผู้หญิง มีนายกเทศมนตรีเป็นผู้หญิง นับจากนี้บทบาทผู้หญิงไม่ได้จำกัดแต่เฉพาะในเรื่องครอบครัว แต่มีบทบาทเข้าไปอยู่ในวงการงานพัฒนา
“สหประชาชาติให้ความสำคัญกับสตรีที่มีบทบาทสำคัญกับงานพัฒนา ผู้หญิงมีความสำคัญ สร้างความมั่นคงเข้าไปร่วมคิดในการสร้างชุมชนเข็มแข็ง เข้าไปคิดรวมกลุ่มทำกลุ่มออมทรัพย์ บ้านมั่นคง รวมทั้งเครือข่ายผู้หญิงไทยก็มีส่วนร่วมกันคิด ร้อยพลังร่วมกับเครือข่ายทุกภาคส่วนให้เกิดขึ้นโดยมีหุ้นส่วนความร่วมมือกับผู้ชายทำให้เกิดพลังสร้างสิ่งดีงาม กำหนดองค์ความรู้ที่จะนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลง เพื่อเตรียมตัวเข้าร่วมประชาคมอาเซียน”
นางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ อดีตสมาชิกวุฒิสภากรุงเทพมหานคร กล่าวว่าผู้หญิงมีพลังเป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนาเพราะมีความอ่อนโยน มีความเป็นแม่ มีความรู้มีวิสัยทัศน์การอบรมบ่มเพาะที่ดีปัญหาสังคมจะไม่มี ปัญหาการกีดกันผู้หญิงจะยอมรับในชะตากรรมหรือจะค้นหาต้นเหตุแห่งทุกข์อย่างแนวทางพุทธศาสนาแล้วลุกขึ้นสู้ โดยใช้ความละเมียดละไม ปัญหาชุมชนมากมาย ทั้งเรื่องไล่ที่ ปัญหาผลกระทบจากการพัฒนา การวางแผนดีได้สิ่งที่ดีตามมา
“ข้อเสนอความยั่งยืนต้องสร้างโรงเรียนกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงาน ปลูกจิตสำนึกทางสังคม สิ่งแวดล้อมที่ดีให้คนในครอบครัว พึ่งพิงตนเองให้มากขึ้น อยากให้ผู้หญิงช่วยกันตั้งคำถามต่อนโยบายพัฒนาชุมชนของรัฐบาลว่านโยบายต่างๆที่ออกมาตอบคำถามชุมชนได้หรือไม่ อยากให้ชุมชนมีวิสัยทัศน์มีจินตนาการต่อการพัฒนาและทำให้มีโครงสร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนทุกเรื่อง”
นางเตือนใจ ดีเทศน์ อดีตสมาชิกวุฒิสภาเชียงราย กล่าวว่า ผู้หญิงเป็นเพศที่เย็นเหมือนน้ำไม่ได้นำไปสู่ความขัดแย้งแต่เป็นผู้เชื่อมความเข้าใจกับทุกฝ่าย สมัยไปทำงานกับชาวเขาในเรื่องชาติพันธุ์ เรื่องที่ทำกิน การศึกษา แม้เสี่ยงอันตรายแต่ก็คิดว่าไปทำความดีจึงไม่กลัว แม้จะรู้สึกท้อและถอดใจแต่ก็สู้เพราะปักใจว่าจะทำงานที่ยากที่ไม่มีคนทำ เพื่อทำให้สังคมเข้าใจว่าชาวเขาก็เป็นคนเป็นมนุษย์ไม่ใช่ผู้ทำลายความมั่นคง เป็นคนปลูกฝิ่นหรือคนทำไร่เลื่อนลอยย่างที่เข้าใจกัน
“ธรรมชาติเป็นสิ่งที่เหนือความเชื่อ มนุษย์อาศัยอยู่อาศัยกับธรรมชาติประหนึ่งแม่ของชีวิต ช่วงที่เข้ามาร่วมทางการเมืองเชื่อมั่นในพลังของประชาชนศรัทธาในความเป็นมนุษย์ รู้ปัญหาชุมชนจึงเข้ามาทำหน้าที่ตรวจสอบฝ่ายบริหาร พลังผู้หญิงจึงมีมากมายที่สังคมยังไม่เปิดโอกาสเทาที่ควร”
นายสมคิด สิริวัฒนากูล ผู้อำนวยการศูนย์ตุ้มโฮมฮักแพงแบ่งปันขบวนชุมชนอีสาน กล่าวว่า ในฐานะผู้ชายเข้าใจว่าบทบาทผู้หญิงมีความสำคัญมาก เรื่องที่ผู้ชายทำไม่ได้แต่ผู้หญิงทำได้ การพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืนผู้หญิงได้เปลี่ยนบทบาทจากเดิมจากเป็นผู้ดูมาเป็นนักปฏิบัติ ตื่นตัวจากการอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ก้าวเข้ามาเป็นผู้นำงานอาชีพ เป็นผู้บริหารท้องถิ่น คำว่าช้างเท้าหลังหมดไปแล้วจากชุมชน คิดว่าผู้หญิงต้องสร้างกระแสให้เกิดความศรัทธาว่าตนมีความสามารถมีใจเชื่อมั่นในพลังจัดการตนเองเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส
“ผู้หญิงผู้ชายต้องก้าวไปพร้อมกัน ผู้หญิงมีจุดแข็ง ไม่ว่าจะเป็นคนที่ยึดมั่นในวัฒนธรรมชุมชน การเกื้อกูล มีความละเอียดอ่อนกระตือรือร้น ขอให้ใช้ปัญญากล้าออกมาประกาศว่าผู้หญิงไม่ใช่ผ้าที่พับไว้เหมือนความเชื่อเก่าๆอีกต่อไป โอกาสผู้หญิงมีเยอะให้ทะลุกำแพงความเชื่อเก่าๆออกไป ผนึกกำลังทั้งผู้หญิงผู้ชายการพัฒนาจึงยั่งยืน”
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้เข้าร่วมเวทีดังกล่าวที่เป็นตัวแทนผู้หญิงทั่วประเทศจำนวนกว่า 1,000 คนมีข้อเสนอเชิงนโยบายเกี่ยวกับผู้หญิง ให้รัฐส่งเสริมผู้หญิงมีส่วนร่วมการเมืองทุกระดับโดยมีสัดส่วนเท่าเทียมชาย ผลักดันความเสมอภาคระหว่างชายกับหญิง จัดสรรงบประมาณส่งเสริมการศึกษาสนับสนุนกลุ่มอาชีพชุมชนให้เข้มแข็งนอกเหนือจากงบประมาณกองทุนพัฒนาสตรี คุ้มครองสิทธิ์ผู้หญิงอย่างเป็นรูปธรรมสนับสนุนการรวมกลุ่มผู้หญิงตั้งแต่ระดับจังหวัด ระดับภาคและประเทศ ให้รัฐให้ความชัดเจนเกี่ยวกับกองทุนพัฒนาสตรี ให้ผู้หญิงมีอำนาจตัดสินใจการพัฒนาเท่าเทียมผู้ชายตั้งแต่ระดับท้องถิ่น ระดับชาติและให้รัฐบาลให้ความจริงจังกับนโยบายที่เกี่ยวเนื่องกับสตรีและชุมชน สนับสนุนส่งเสริมผู้หญิงเรียนภาษาเพื่อเตรียมตัวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
สำหรับวันพรุ่งนี้(24 พ.ค.)จะมีการปาฐกถาพิเศษเรื่องกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี จะเสริมหนุนการทำงานของขบวนเครือข่ายผู้หญิงไทยบนฐานชีวิต 5 ได้อย่างไร โดยนางนลินี ทวีสิน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่มาภาพ : http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1323924655&grpid=03&catid=&subcatid=