เหตุเกิดที่สวนคุณยาย...
มีประเด็นฮือฮาที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางยิ่งกว่ามีเหตุระเบิดใหญ่ที่ชายแดนใต้ นั่นก็คือกรณีที่คอลัมน์นิสต์หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง เขียนบทความแฉพฤติกรรมของข้าราชการบางกลุ่มไปเรียก "เงินทอน" จากสวนผลไม้แห่งหนึ่งในพื้นที่ ซึ่งเปิดเป็น "บุฟเฟต์ผลไม้" ให้รับประทานกันแบบไม่อั้น ในราคาเด็ก 79 บาท ผู้ใหญ่ 129 บาท
คอลัมนิสต์รายนี้เล่าในบทความซึ่งตีพิมพ์เมือวันจันทร์ที่ 6 ส.ค.61 ว่า ได้ไปเที่ยวสวนผลไม้ของ "คุณยาย" ที่เปิดให้คนทั่วไปและนักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชมและทานผลไม้ในแบบ "บุฟเฟต์" เพื่อสู้กับปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ทั้งทุเรียน เงาะ มังคุด ราคาหน้าสวนย่ำแย่จนน่าใจหาย คุณยายจึงคิดกันกับลูกหลาน เปิดสวนเป็นบุฟเฟต์ผลไม้ ปรากฏว่ามีกระแสตอบรับมากมาย ช่วง 2 สัปดาห์แรกถือว่ากิจการพอไปได้ แต่พอหน่วยราชการทราบข่าว และยื่นมาเข้ามาช่วย ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไป...
บทความยกตัวอย่างพฤติกรรมของข้าราชการ 3 กรณีที่มองว่าเป็นการเอาเปรียบคุณยาย และเข้าข่ายเรียกเงินทอน ก็คือ กรณีแรกมีข้าราชการเบิกงบไปเที่ยวสวนของคุณยาย ตามนโยบายสนับนสนุนวิสาหกิจชุมชน แต่กลับไปต่อรองราคาลงเกือบครึ่ง แถมยังขออาหาร กับน้ำชากาแฟ แล้วพูดทำนองว่าจะได้มีเงินทอนติดกระเป๋ากลับไปบ้าง
กรณีที่ 2 ข้าราชการอีกกลุ่มหนึ่งไปต่อราคาบุฟเฟต์ลงเหมือนกัน แต่ขากลับหอบผลไม้ถุงใหญ่กลับไปกินต่อที่บ้าน ทั้งๆ ที่ผิดกติกา ไม่มีบุฟเฟต์ที่ไหนอนุญาตให้ทำ จนคุณยาย "เจ๊งยับ"
และกรณีที่ 3 มีครูโรงเรียนรัฐบาลจัดกิจกรรมพานักเรียนไปเที่ยวสวนคุณยาย เก็บเงินค่าผลไม้จากผู้ปกครอง จากนั้นก็ไปต่อรองราคากับทางสวนลงครึ่งหนึ่ง แถมยังพาครูไปกินบุฟเฟต์เกินจำนวนที่แจ้งเอาไว้
ในบทความไม่ได้ระบุชื่อสวนว่าเป็นสวนไหน อยู่อำเภอใด จังหวัดใด และไม่ได้ระบุตัวข้าราชการว่าเป็นใคร ในบทความบอกแค่ว่าพฤติกรรมของข้าราชการในกรณีแรก เป็นปลัดอำเภอหนึ่งเท่านั้น
เมื่อข่าวออกไปปรากฏว่ามีความเคลื่อนไหวกันวุ่นวายของหน่วยงานรัฐในพื้นที่ชายแดนใต้ พร้อมเปิดชื่อสวนคุณยาย และชื่อของคนที่เกี่ยวข้องเกือบทั้งหมด
โดยวันอังคารที่ 7 ส.ค. มีทหารพรานจากหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 47 รับผิดชอบพื้นที่ อ.ยะหา จ.ยะลา ส่งกำลังเข้าไปสอบถาม คุณยายเหี้ยง การะเกตุ เจ้าของสวนผลไม้ที่เปิด "บุฟเฟต์" ที่ ต.ตาชี อ.ยะหา พร้อมจัดทำรายงานสรุปว่า ข้อเขียนที่เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์นั้น "เกินจริง"
หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 47 เข้าไปที่สวนคุณยาย พร้อมถ่ายภาพมาเป็นหลักฐานด้วยว่าไปคุยกับคุณยายเหี้ยงมาจริงๆ โดยรายงานที่ทำชี้แจง สรุปได้ว่า เรื่องที่เป็นข่าว คุณยายบอกว่าเป็นการพูดคุยกันอย่างเป็นกันเองระหว่างคุณยายกับผู้มาเยือน เพราะคุณยายเป็น "ผู้ใหญ่ใจดี" ไม่ทราบว่าจะมีการนำไปเขียนข่าว เมื่อเรื่องนี้กลายเป็นข่าวจึงรู้สึกตกใจและเสียใจ เพราะตรงข้ามกับความเป็นจริง เกรงว่าจะส่งผลกระทบกับการท่องเที่ยวและกิจการบุฟเฟต์ผลไม้ของคุณยาย
โดยทหารอ้างคำยืนยันจากคุณยายว่า กิจการยังมีกำไร ไม่ได้เดือดร้อน "เจ๊งยับ" เพราะถูกรีดไถหรือเรียกเงินทอนตามที่มีการเขียนข่าว ทั้งยังพร้อมต้อนรับข้าราชการทุกหน่วย
นอกจากนั้น ยังมีหนังสือจาก นายชัยชนะ กฤตยานาถ นายอำเภอยะหา ทำรายงานถึงผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงตามที่เป็นข่าว โดยระบุว่า กรณีที่อ้างถึงในข้อเขียน น่าจะหมายถึงกิจกรรมที่ น.ส.สนธยา ศรีวิเชียร ปลัดอำเภอเมืองยะลา จะนำเกษตรกรจากอำเภอเมืองยะลา ไปดูงานที่สวนยายเหี้ยง ทางปลัดอำเภอโทรศัพท์ไปติดต่อกับลูกหลานยายเหี้ยง เมื่อวันที่ 2 ส.ค. และจะเข้าไปเยี่ยมชมสวนในวันที่ 7 ส.ค. โดยมีค่าใช้จ่ายเป็นงบประมาณ 10,000 บาท ประกอบด้วยค่าอาหารเที่ยง อาหารว่าง ค่าพาหนะ และค่าป้ายโครงการ จากนั้นจึงมีการตกลงราคากับลูกหลานยายเหี้ยง เป็นค่าอาหารเที่ยง อาหารว่าง และผลไม้ เป็นเงิน 7,000 บาท คณะดูงานทั้งหมดมี 55 คน เป็นข้าราชการ 5 คน ที่เหลือเป็นเกษตรกร
หนังสือที่ทางนายอำเภอยะหา ทำชี้แจงกับผู้ว่าฯ ยังระบุว่า ทางนายอำเภอได้เข้าไปพบและพูดคุยกับคุณยายเหี้ยงแล้ว คุณยายยืนยันว่าไม่เคยพูดว่ากล่าวพาดพิงปลัดอำเภอคนนี้ และทางราชการไม่เคยเอาเปรียบคุณยาย ทางนายอำเภอจึงสรุปว่าข้อเขียนทั้งหมดไม่เป็นความจริง
วันเดียวกัน น.ส.สนธยา ศรีวิเชียร ปลัดอำเภอเมืองยะลา ก็ได้เดินทางไปที่สวนยายเหี้ยงด้วยเช่นกัน และได้ให้สัมภาษณ์ยืนยันพร้อมเอกสารว่า โครงการที่ติดต่อคุณยายมานั้น เป็นการพาเกษตรกรมาศึกษาดูงาน ไม่ได้ตั้งใจมาทานบุฟเฟต์ งบประมาณเป็นงบของกระทรวงมหาดไทย ตามโครงการเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิตภาคเกษตร ซึ่งจัดสรรให้ทุกอำเภอของจังหวัดยะลาเท่าๆ กัน อำเภอละ 10,000 บาท จึงนำงบก้อนนี้จัดกิจกรรมดูงานที่สวนคุณยาย โดยตกลงราคากับคุณยาย 7,000 บาท จากราคาเต็ม 7,095 บาท (คือบุฟเฟต์ผู้ใหญ่ 55 คน) ซึ่งคุณยายก็ยินดีต้อนรับ และไม่ได้มีปัญหาตามที่เป็นข่าว ส่วนเงินที่เหลือก็เป็นค่าพาหนะ และค่าจัดทำป้ายไวนิล ยืนยันว่าข่าวที่ออกไปคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงมาก
เป็นที่น่าสังเกตว่า คำชี้แจงของปลัดอำเภอหญิง ไม่ได้พูดถึงค่าอาหารกลางวัน และอาหารว่าง ตามที่นายอำเภอยะหาทำหนังสือชี้แจงผู้ว่าฯ ซึ่งราคาที่ตกลงกับคุณยาย ถ้าคิดตามหนังสือชี้แจงของนายอำเภอยะหา เงิน 7,000 บาท จะรวมถึงค่าบุฟเฟต์ผลไม้ ค่าอาหารกลางวัน และอาหารว่าง ทั้งๆ ที่หากคิดเฉพาะค่าบุฟเฟต์ตามจำนวนคนที่ไป ก็มีราคา 7,095 บาทแล้ว
สำหรับความเห็นในโลกโซเชียลฯ ช่วงแรกที่ยังไม่มีคำชี้แจงจากทางหน่วยงานรัฐ ความเห็นส่วนใหญ่ตำหนิพฤติกรรมของข้าราชการที่ไปเอาเปรียบคุณยาย ต่อมาเมื่อมีการชี้แจงจากหน่วยงานในพื้นที่ ทั้งการส่งทหารพรานเข้าไปสอบถามคุณยาย และการชี้แจงของฝ่ายปกครอง ปรากฏว่ายังมีความเห็นในโซเชียลฯอีกจำนวนไม่น้อยที่ตั้งคำถามว่า การส่งทหารเข้าไปถามคุณยาย มีลักษณะคล้ายเป็นการข่มขู่หรือไม่ เหตุใดจึงไม่ไปตรวจสอบข้าราชการที่ถูกพาดพิงถึง เพราะชาวบ้านย่อมไม่กล้าแฉพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่กับเจ้าหน้าที่ด้วยกันเอง
นอกจากนั้น ยังมีความเห็นในลักษณะที่ว่า ข้าราชการที่ไปจัดกิจกรรมที่สวนของคุณยาย น่าจะควักกระเป๋าแถมเงินให้คุณยาย มากกว่าที่จะไปขอต่อรองราคา เพราะเงินที่นำไปจัดกิจกรรมก็เป็นงบประมาณจากภาษีประชาชน ไม่ใช่เงินส่วนตัว
ล่าสุดฝั่งข้าราชการที่ถูกพาดพิงถึง ได้สร้างกระแสว่าจะมีการฟ้องร้องคอลัมนิสต์ที่นำเสนอเรื่องนี้ด้วย
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 ยายเหี้ยง การะเกตุ ในสีหน้าเครียดๆ หลังถูกหน่วยราชการหลายหน่วยเข้าไปสอบถามเรื่องที่ตกเป็นข่าว
2 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 47 และฝ่ายปกครอง เข้าพูดคุยกับหลานคุณยาย
3-4 หนังสือชี้แจงจากนายอำเภอยะหา ที่ทำถึงผู้ว่าฯยะลา
5 ข้าราชการฝ่ายปกครอง รวมทั้งปลัดอำเภอหญิง ไปเยือนสวนคุณยาย
6-7 ผลไม้นานาชนิดที่จัดบุฟเฟต์
8 อาหารนอกเมนูบุฟเฟต์ที่ต้องทำเลี้ยงข้าราชการบางกลุ่มที่ไปดูงาน แต่เหมารวมกับราคาบุฟเฟต์ที่ถูกต่อรองให้ต่ำกว่าปกติ
อ่านประกอบ :
ศอ.บต.ชู "บุฟเฟต์ผลไม้สวนยายเหี้ยง" ต้นแบบกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้า
บุฟเฟต์ผลไม้ที่สวนยายเหี้ยง ...ธรรมชาติหล่อเลี้ยงวิถีชีวิตชายแดนใต้
ยายวัย 87 สุดฮิปกับ"จี๊ป"คู่ใจ...ขอลูกหลานชายแดนใต้รักสามัคคี