ส่องผลประกอบการ 9 บิ๊กเอกชนคู่ค้ากองทัพ 4 ปี คว้างานเฉียด 1.7 หมื่นล.
ส่องผลประกอบการ 9 เอกชนรายใหญ่ ‘ค้าอาวุธ-เครื่องกระสุน-ชุดเกราะ-ชิ้นส่วนซ่อมบำรุง-เสื้อผ้า-ยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ’ คู่ค้ากองทัพ-กระทรวงกลาโหม-หน่วยงานความมั่นคง หลังการรัฐประหาร 4 ปี คว้างานเฉียด 1.7 หมื่นล้าน หลายแห่งรายได้ดี กำไรพุ่ง
ช่วงปลายปี 2556 สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org เคยรายงานเกี่ยวกับการซื้อขายอาวุธ ยุทโธปกรณ์ และยุทธภัณฑ์อื่น ๆ ให้กับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงกลาโหม ทั้งกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และกองบัญชาการกองทัพไทย รวมถึงหน่วยงานความมั่นคงอื่น ๆ ไปแล้วว่า นับตั้งแต่ปี 2544-ปลายปี 2556 มีอย่างน้อย 10 บริษัทยักษ์ใหญ่ที่เข้ามาเป็นคู่สัญญา รวมยอดการซื้อขายกว่า 1,200 โครงการ วงเงินกว่า 1.8 หมื่นล้านบาท (อ่านประกอบ : เปิด10บริษัท“ค้าอาวุธ-ยุทธภัณฑ์”รายใหญ่คู่ค้ากองทัพ1,200 ครั้ง 1.8 หมื่นล.)
คราวนี้มาดูหลังรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557-ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 4 ส.ค. 2561) กันบ้างว่า บริษัทเหล่านี้ ยังคงได้รับความไว้วางใจจากกองทัพ และหน่วยงานความมั่นคงในการเข้ามาเป็นคู่สัญญารัฐมาก-น้อยแค่ไหน มีกำไร-ขาดทุนอย่างไร
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบฐานข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ และข้อมูลบริษัทจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบรายละเอียด ดังนี้
1.บริษัท เสรีชัยยุทธภัณฑ์ จำกัด เป็นคู่สัญญา 153 โครงการ (เท่าที่ตรวจสอบพบ) วงเงินประมาณ 2,010.91 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการจ้างผลิตเครื่องแบบสนาม ผลิตที่นอน และยุทธภัณฑ์อื่น ๆ โดยสัญญาที่มีมูลค่าสูงสุดคือ ประกวดราคาจ้างผลิตที่นอนยางพารา และหมอนยางพารา วงเงิน 417.26 ล้านบาท ทำสัญญาเมื่อวันที่ 20 ต.ค. 2560 โดยกองทัพบก
เมื่อตรวจสอบข้อมูลบริษัท พบว่า ปี 2557 มีรายได้รวม 727,341,779 บาท กำไรสุทธิ 85,440,249 บาท ปี 2558 มีรายได้รวม 681,244,350 บาท กำไรสุทธิ 67,049,476 บาท ปี 2559 มีรายได้รวม 635,508,129 บาท กำไรสุทธิ 48,584,772 บาท ปี 2560 มีรายได้รวม 600,379,615 บาท กำไรสุทธิ 35,874,896 บาท
2.บริษัท ชัยเสรี เม็ททอล แอนด์ รับเบอร์ จำกัด เป็นคู่สัญญา 53 โครงการ (เท่าที่ตรวจสอบพบ) วงเงินประมาณ 1,923.54 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการจ้างปรับปรุงรถเกราะ การขายรถเกราะ รถบรรทุก และยุทโธปกรณ์อื่น ๆ โดยสัญญาที่มีมูลค่าสูงสุดคือ การจ้างซ่อมปรับปรุงรถสะเทินน้ำสะเทินบก AAV-P7 A1 จำนวน 3 คัน วงเงิน 299.55 ล้านบาท ทำสัญญาเมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2560 โดยกองทัพเรือ
เมื่อตรวจสอบข้อมูลบริษัท พบว่า ปี 2557 มีรายได้รวม 491,024,007 บาท กำไรสุทธิ 39,888,333 บาท ปี 2558 มีรายได้รวม 344,771,251 บาท กำไรสุทธิ 25,788,144 บาท ปี 2559 มีรายได้รวม 1,051,794,866 บาท กำไรสุทธิ 87,744,740 บาท ปี 2560 มีรายได้รวม 1,068,661,012 บาท กำไรสุทธิ 90,293,924 บาท
3.บริษัท ช.ไพศาล จำกัด เป็นคู่สัญญา 49 โครงการ (เท่าที่ตรวจสอบพบ) วงเงินประมาณ 1,313.40 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการจ้างผลิตเสื้อเกราะกันกระสุน โดยสัญญาที่มีมูลค่าสูงสุดคือ จ้างผลิตเสื้อเกราะป้องกันกระสุน ระดับ 3 โดยวิธีพิเศษ วงเงิน 176.65 ล้านบาท ทำสัญญาเมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2558 โดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)
เมื่อตรวจสอบข้อมูลบริษัท พบว่า ปี 2557 มีรายได้รวม 543,477,355 บาท กำไรสุทธิ 138,399,963 บาท ปี 2558 มีรายได้รวม 461,449,848 บาท กำไรสุทธิ 104,189,114 บาท ปี 2559 มีรายได้รวม 381,512,447 บาท กำไรสุทธิ 89,317,554 บาท ปี 2560 มีรายได้รวม 315,061,252 บาท กำไรสุทธิ 68,580,170 บาท
4.บริษัท โรยัลสกาย จำกัด เป็นคู่สัญญา 116 โครงการ (เท่าที่ตรวจสอบพบ) วงเงินประมาณ 4,376.88 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการจ้างซ่อมบำรุงเครื่องบิน ชิ้นส่วนบำรุงเครื่องบิน หรือบำรุงโรงงานเครื่องบิน หรือเฮลิคอปเตอร์ โดยสัญญาที่มีมูลค่าสูงสุดคือ จ้างเหมาส่งกำลังชิ้นส่วนซ่อม ฮ.ใช้งานทั่วไป (ฮ.ท.212) โดยวิธีพิเศษ วงเงิน 688 ล้านบาท ทำสัญญาเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2558 โดยกองทัพบก
เมื่อตรวจสอบข้อมูลบริษัท พบว่า ปี 2557 มีรายได้รวม 213,260,569 บาท ขาดทุนสุทธิ 9,366,528 บาท ปี 2558 มีรายได้รวม 453,143,441 บาท กำไรสุทธิ 10,049,210 บาท ปี 2559 มีรายได้รวม 2,096,795,641 บาท ขาดทุนสุทธิ 13,136,370 บาท ปี 2560 มีรายได้รวม 919,573,364 บาท กำไรสุทธิ 22,818,385 บาท
5.บริษัท ลัทธพลเทรดดิ้ง จำกัด เป็นคู่สัญญา 28 โครงการ (เท่าที่ตรวจสอบพบ) วงเงินประมาณ 933.44 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการซื้อผ้าสีพราง ผ้าเช็ดตัว หรือเครื่องแบบสนาม และยุทโธปกรณ์อื่น ๆ สัญญาที่มีมูลค่าสูงสุดคือ ประกวดราคาซื้อผ้าสีพราง (ด้านการยับ) จำนวน 1 รายการ โดยวิธีพิเศษ วงเงิน 344.75 ล้านบาท ทำสัญญาเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2560 โดยกองทัพบก
เมื่อตรวจสอบข้อมูลบริษัท พบว่า ปี 2557 มีรายได้รวม 330,007,481 บาท กำไรสุทธิ 23,405,247 บาท ปี 2558 มีรายได้รวม 322,951,418 บาท กำไรสุทธิ 20,314,569 บาท ปี 2559 รายได้รวม 325,322,229 บาท กำไรสุทธิ 15,005,446 บาท ปี 2560 มีรายได้รวม 428,532,117 บาท กำไรสุทธิ 31,031,150 บาท
6.บริษัท ไทยเครื่องสนาม (2525) จำกัด เป็นคู่สัญญา 69 โครงการ (เท่าที่ตรวจสอบพบ) วงเงินประมาณ 947.37 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการจ้างผลิตกางเกง เสื้อ เครื่องแบบ หรือชุดฝึก สัญญาที่มีมูลค่าสูงสุดคือ ประกวดราคาจ้างผลิตกางเกงลำลอง (สีกากีแกมเขียว) วงเงิน 95.50 ล้านบาท ทำสัญญาเมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2560 โดยกองทัพบก
เมื่อตรวจสอบข้อมูลบริษัท พบว่า ปี 2557 มีรายได้รวม 569,129,463 บาท กำไรสุทธิ 25,279,393 บาท ปี 2558 มีรายได้รวม 568,769,886 บาท กำไรสุทธิ 28,979,033 บาท ปี 2559 มีรายได้รวม 572,176,615 บาท กำไรสุทธิ 32,758,973 บาท ปี 2560 รายได้รวม 546,536,115 บาท กำไรสุทธิ 34,988,190 บาท
7.บริษัท ไพบูลย์เศรษฐกิจ จำกัด (แปรสภาพมาจาก หจก.ไพบูลย์เศรษฐกิจ เมื่อปี 2558) เป็นคู่สัญญา 30 โครงการ (เท่าที่ตรวจสอบพบ) วงเงินประมาณ 240.62 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการจ้างซื้อวัตถุดิบผลิตยุทโธปกรณ์ หรือกระสุนปืนต่าง ๆ สัญญาที่มีมูลค่าสูงสุดคือ ซื้อวัตถุดิบหลักที่ใช้ในการผลิต ก.ปล. ขนาด 5.56 มม. ชนิดธรรมดา M193 โดยวิธีพิเศษ วงเงิน 49.43 ล้านบาท ทำสัญญาเมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2560 โดยกองทัพบก ส่วนช่วงเป็น หจก.ไพบูลย์เศรษฐกิจ เป็นคู่สัญญา 14 โครงการ (เท่าที่ตรวจสอบพบ) วงเงินประมาณ 58.91 ล้านบาท
เมื่อตรวจสอบข้อมูลบริษัท พบว่า ปี 2557 (ช่วงเป็น หจก.ไพบูลย์เศรษฐกิจ) มีรายได้รวม 311,783,796 บาท กำไรสุทธิ 17,860,977 บาท ปี 2558 (แปรสภาพเป็นบริษัทจำกัดแล้ว) มีรายได้รวม 140,381,985 บาท กำไรสุทธิ 7,764,524 บาท ปี 2559 มีรายได้รวม 92,615,257 บาท กำไรสุทธิ 1,105,265 บาท ปี 2560 มีรายได้รวม 82,901,212 บาท กำไรสุทธิ 5,736,565 บาท
8.บริษัท รอยัล ดีเฟนส์ จำกัด เป็นคู่สัญญา 75 โครงการ (เท่าที่ตรวจสอบพบ) วงเงินประมาณ 4,655.09 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการจัดซื้อปืนกล หรือซื้อกระสุนปืนกล และกระสุนปืนใหญ่ สัญญาที่มีมูลค่าสูงสุดคือ ซื้อปืนกล 38 ขนาด 7.62 มม. โดยวิธีพิเศษ วงเงิน 1,087.20 ล้านบาท ทำสัญญาเมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2559 โดยกองทัพบก
เมื่อตรวจสอบข้อมูลบริษัท พบว่า ปี 2557 มีรายได้รวม 186,364,968 บาท ขาดทุนสุทธิ 14,623,254 บาท ปี 2558 มีรายได้รวม 236,153,392 บาท กำไรสุทธิ 18,752,846 บาท ปี 2559 มีรายได้รวม 636,927,812 บาท กำไรสุทธิ 73,786,977 บาท ปี 2560 มีรายได้รวม 881,162,882 บาท กำไรสุทธิ 108,752,541 บาท
9.บริษัท ชัยเสรี (กรุงเทพ) จำกัด เป็นคู่สัญญา 48 โครงการ (เท่าที่ตรวจสอบพบ) วงเงินประมาณ 521.81 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการซื้อชินส่วนซ่อมบำรุงรถถัง หรือปืนใหญ่ สัญญาที่มีมูลค่าสูงสุดคือ ประกวดราคาซื้อชิ้นส่วนซ่อมของระบบสายพานสำหรับใช้กับรถถัง เอ็ม 48 และรถถัง เอ็ม 60 วงเงิน 60.12 ล้านบาท ทำสัญญาเมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2560 โดยกองทัพบก
เมื่อตรวจสอบข้อมูลบริษัท พบว่า ปี 2557 มีรายได้รวม 95,923,593 บาท กำไรสุทธิ 3,859,703 บาท ปี 2558 มีรายได้รวม 67,748,406 บาท กำไรสุทธิ 4,224,123 บาท ปี 2559 มีรายได้รวม 214,448,082 บาท กำไรสุทธิ 17,030,492 บาท ปี 2560 มีรายได้รวม 208,034,004 บาท กำไรสุทธิ 17,340,067 บาท
ยังมีอีกแห่งคือ บริษัท เบลล์ เฮลิคอปเตอร์ เอเชีย (พีทีอี) จำกัด จากประเทศสิงคโปร์ แต่ยังตรวจสอบไม่พบรายละเอียด หากพบข้อมูลเพิ่มเติม จะนำมาเสนอในคราวถัดไป
เบ็ดเสร็จ 4 ปี 9 บริษัทเหล่านี้ ทำสัญญา 635 สัญญา (เท่าที่ตรวจสอบพบ) รวมวงเงินประมาณ 16,981.35 ล้านบาท หรือเฉียด 1.7 หมื่นล้านบาท
ใกล้เคียงกับยอดรวมระหว่างปี 2544-2556 (ประมาณ 12 ปี) ทำสัญญา 1,200 โครงการ วงเงินรวมประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท
ทั้งหมดคือผลประกอบการของ 9 เอกชนรายใหญ่คู่สัญญากองทัพ-หน่วยงานความมั่นคง ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา เห็นได้ว่ามีบางบริษัทที่มีรายได้-กำไรพุ่งสูงขึ้น ขณะที่เดียวกันยังได้รับความเชื่อใจจากกองทัพ-หน่วยงานความมั่นคงให้เข้ามารับงานเหมือนเดิม?
(ที่มา ฐานข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ-กรมพัฒนาธุรกิจการค้า, สำนักข่าวอิศรา รวบรวม)