'บิ๊กป๊อก' แจงให้สัญชาติไทย 'ทีมหมูป่า'
'พล.อ.อนุพงษ์' ย้ำให้สัญชาติไทย 'ทีมหมูป่า' ต้องทำตามกฎหมาย ชี้ครม.สัญจรอุบลฯ สนง.เลขานายกฯจะเป็นผู้เชิญนักการเมือง-ขรก.ท้องถิ่นตามความเหมาะสม ขออย่าโยงการเมือง
เมื่อเวลา 08.30 น. เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2561 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการให้สัญชาติไทยกับเยาวชนทีมหมูป่าอะคาเดมี 3 คนและโค้ช ว่า การจะให้สัญชาติ ไม่ได้อยู่ที่ผู้มีอำนาจ ไม่ว่าทั้งนายอำเภอ ผู้ว่าฯจังหวัด รวมถึงรัฐมนตรีมหาดไทย อยากจะให้สัญชาติกับใครก็ได้ เพราะเรื่องนี้มีเงื่อนไขระบุกลุ่มคนที่ให้สัญชาติได้อยู่แล้ว ซึ่งจะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าตรงตามเงื่อนไขนั้น เพราะถ้าให้สัญชาติผิดคนแล้ว ไม่ว่าจะไม่ตรงเงื่อนไข หรือว่าให้ผิดโดยใช้กฎหมายผิด ผู้ที่ดำเนินการต้องถือว่ามีความผิด ซึ่งความล่าช้าที่เกิดขึ้นนั้น ก็เป็นเพราะวิธีการพิสูจน์ที่ยาก ทั้งพิสูจน์ดีเอ็นเอ และหลักฐานอื่นๆร่วมด้วย หากทำพลาดไปเจ้าหน้าที่รัฐจะมีความผิด ดังนั้นเรื่องนี้ต้องให้มีความชัดเจนตามกฎหมาย
ทั้งนี้ กลุ่มคนที่เราให้สัญชาติเมื่อปลายปีที่แล้ว คือให้ผู้ที่เกิดในแผ่นดินไทย และอยู่ถึง 15 ปี แม้ว่าพ่อแม่ของเขาจะไม่ได้เข้าประเทศอย่างถูกกฎหมาย ก็ให้สัญชาติได้ แต่ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเป็นเช่นนั้นจริง และตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบันเราได้ให้สัญชาติไทยไปแล้วกว่า 2 หมื่นกว่าคน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมของ จ.อุบลราชธานี เพื่อรองรับการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ระหว่างวันที่ 23-24 ก.ค.นี้ ว่า กำหนดการต่างๆ เป็นเรื่องของสำนักเลขาธิการครม.และเลขานายกฯเป็นผู้กำหนดการ เมื่อได้กำหนดการว่าจะไปที่ใดทางจังหวัดก็เตรียมตัวในส่วนที่เกี่ยวข้องว่าจะดูงานในเรื่องใด ส่วนการตรวจงานต่างๆในพื้นที่รองนายกฯที่ดูในแต่ละด้านจะเป็นผู้กำหนดแต่ละกระทรวงติดตามงานในหน้าที่รับผิดชอบของตัวเอง
ส่วนจะเชิญนักการเมือง หรือผู้นำท้องถิ่นมาร่วมหารือด้วยหรือไม่นั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาแต่ละครั้งทางสำนักงานเลขานุการนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้กำหนดความเหมาะสมว่าจะเชิญมาอย่างไร แต่ไม่มีในวาระของการเมือง มาเพื่อดูความต้องการของแต่ละพื้นที่ทั้งส่วนของท้องถิ่น ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตร นักการเมือง ผู้นำท้องถิ่น สภาท้องถิ่นมาพูดคุยเพื่อรับฟังความคิดเห็นว่ามีข้อเสนออย่างไรในภาพกว้างๆ ตนขอไม่ตอบประเด็นการเมือง ไม่ต้องดึงไปถึงเรื่องนั้น
โดย พล.อ.อนุพงษ์ ยังระบุถึงความคืบหน้าของโครงการไทยนิยมยั่งยืนว่า อยู่ระหว่างการดำเนินการของทุกกลุ่มงานซึ่งน่าจะแล้วเสร็จในเดือน ก.ย. ส่วนสิ่งที่ประชาชนต้องการมากที่สุดคือโครงสร้างพื้นฐาน ถนน ความต้องการแหล่งน้ำในการประกอบอาชีพ และกิจกรรมต่างๆ ในส่วนการอนุมัติงบประมาณนั้น ขณะนี้มีความคืบหน้าของการดำเนินการแล้ว ซึ่งมีหลายขั้นตอนตามที่ได้ทำประชาคมกับชาวบ้านว่าต้องการอะไร จากนั้นก็นำสิ่งนั้นมาพิจารณา และดำเนินการตามขั้นตอนต่อๆไป ส่วนจะมีโครงการและเพิ่มเติมหลังจบโครงการไทยนิยมฯหรือไม่นั้น ก็ต้องเป็นเรื่องของนโยบาย โดยต้องดูว่านายกฯและคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีข้อเสนออย่างไร