อาการ "ทีมหมูป่า" ปอดอักเสบ 3 ราย หูชั้นกลางอักเสบ 3 ราย ให้ยารักษาแล้ว ให้อยู่ รพ. 7 วัน
ปลัด สธ.เผยอาการ "ทีมหมูป่า" 3 รายปอดอักเสบ ต้องให้ยาต่อเนื่อง ส่วนอีก 3 รายมีหูชั้นกลางอักเสบ ให้ยารักษาแล้วเช่นกัน ผลตรวจเลือดยังไม่พบเชื้ออันตราย ขอให้อยู่ รพ. 7 วัน ห่วงกลับบ้านไวเสี่ยงติดเชื้อง่าย
ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงอาการของทีมหมูป่าอะคาเดมี 13 คน ที่ช่วยเหลือออกมาจากถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย ว่า มีการประเมินทุกเช้าเย็น ซึ่งเช้านี้พบว่า สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ เดินเข้าห้องน้ำ และทำกิจวัตรประจำวันได้ ส่วนการให้ยาฆ่าเชื้อ ซึ่งเป็นยาปฏิชีวนะยังต้องให้จนกว่าจะครบ 7 วัน โดยเฉพาะ 3 รายที่มีภาวะปอดอักเสบ ส่วนชุดหลังจำนวน 5 รายพบว่า มี 3 รายที่มีอาการหูอื้อ ตรวจสอบแล้วพบว่า เกิดจากหูชั้นกลางอักเสบ ซึ่งอาการดังกล่าวเกิดจากการเป็นหวัดได้ ซึ่งให้การรักษาแล้ว คิดว่าจะดีขึ้นภายใน 1-2 วัน สำหรับสภาพจิตใจของทุกคนร่าเริงดี จะมีจิตแพทย์เข้าไปพูดคุยด้วยทุกราย สำหรับตัวโค้ชซึ่งหลายคนกังวลถึงความรู้สึกผิด จะมีจิตแพทย์คอยติดตามดูแลเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ฝากถึงสื่อมวลชนหากน้องๆ กลับบ้านแล้วอาจต้องระมัดระวังเรื่องการสัมภาษณ์ พูดคุยเพราะอาจจะกระทบต่อสภาพจิตใจได้
นพ.เจษฎา กล่าวว่า ส่วนผลการตรวจเลือดที่ส่งเข้ามาตรวจในห้องแล็บที่กรุงเทพมหานครเพื่อหาเชื้อโรคอุบัติใหม่ ไม่พบว่ามีความผิดปกติอะไร ส่วนผลเลือดล็อต 2-3 จะทยอยออกมาเร็วๆ นี้ และเมื่อทราบผลแล้วจะมาประเมินอีกครั้ง แต่อยากให้ทั้งหมดอยู่ที่โรงพยาบาลให้ครบ 7 วัน ยังไม่อยากให้กลับบ้าน เพราะเผชิญกับการอดอาหารมานาน อยู่ในสภาพอากาศที่อับชื้น ร่างกายเลยอ่อนแอ หากให้กลับบ้านอาจจะมีเสี่ยงติดเชื้อโรคต่างๆ โดยเฉพาะเชื้อไข้หวัดซึ่งติดง่าย
นพ.เจษฎา กล่าวว่า สำหรับหน่วยซีลที่เข้าไปอยู่กับน้องๆ ภายในถ้ำ เมื่อมาถึงโรงพยาบาลก็เก็บตัวอย่างเลือดส่งตรวจเช่นกัน ตอนนี้ไม่น่าห่วง เพราะสุขภาพร่างกายแข็งแรงกันดี ตอนนี้ส่งต่อไปยังโรงพยาบาลใกล้บ้านเพื่อพักฟื้น ส่วนบุคลากร เจ้าหน้าที่ที่ร่วมภารกิจ ก็ไม่น่าห่วง เพราะไม่ได้เข้าไปอยู่เป็นเวลานาน ก็ได้ให้คู่มือแนะนำการดูแล สังเกตอาการด้วยตัวเอง หากพบผิดปกติให้มาพบแพทย์ แต่ขณะนี้ยังไม่มี ทั้งนี้ เหตุการณ์นี้อนาคตเมื่อมีความพร้อมแล้วจะต้องถอดบทเรียนกันแน่นอน โดยจะเชิญผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อง และทีมที่เข้าไช่วยเหลือมา มาร่วมเสวนาให้ความรู้กันอย่างแน่นอน
ที่มาข่าว:https://news1live.com/detail.aspx?NewsID=9610000069329