ทรัมป์เฉ่งนาโต จวกเยอรมนีโดนรัสเซีย "ครอบงำ"

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ย้ำจุดยืนของสหรัฐ ว่าสมาชิกนาโต "ต้องจ่ายเพิ่มขึ้น" เพื่อแบ่งเบาภาระร่วมกัน และสร้างความไม่พอใจให้กับเยอรมนี ด้วยการเรียกอีกฝ่ายว่าเป็น "เชลย" ของรัสเซีย ด้วยข้อตกลงพลังงาน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงบรัสเซลล์ ประเทศเบลเยียม เมื่อวันที่ 12 ก.ค. ว่าการประชุมสุดยอดผู้นำ 29 ประเทศสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ ( นาโต ) ที่กรุงบรัสเซลส์ เมื่อวันพุธที่ผ่านมาซึ่งเป็นวันแรก เป็นไปอย่างดุเดือด เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวย้ำจุดยืนของสหรัฐ ซึ่งต้องการให้สมาชิกนาโตอีก 28 ประเทศ เพิ่มสัดส่วนงบประมาณกลาโหมเป็นอย่างน้อย 2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ( จีดีพี ) ให้ได้ภายในปี 2563  ตามข้อตกลงในการประชุมที่เวลส์ เมื่อปี 2557 แต่ผู้นำสหรัฐกล่าวว่าในความเป็นจริงต้องเพิ่มเป็นไม่ต่ำกว่า 4%

ทรัมป์กล่าวต่อไปว่า นาโตไม่ใช่ "ตลาดซื้อขายด้านความมั่นคง" แต่คือการรวมตัวเป็นสหภาพของรัฐเอกราช เพื่อการบรรลุเป้าหมายทางยุทธศาสตร์และการรักษาผลประโยชน์ร่วมกัน ขณะที่นายเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการองค์การนาโต พยายามไกล่เกลี่ยสถานการณ์ด้วยการกล่าวว่า ผู้นำสหรัฐเป็นคนที่ตรงไปตรงมา แต่ยืนยันว่าสมาชิกนาโต "เห็นชอบร่วมกันในหลักการ" เกี่ยวกับแนวทางการเพิ่ม "ความยืดหยุ่น" ด้านนโยบายของนาโต การต่อสู้กับภัยคุกคามจากการก่อการร้าย และการจัดสรรโควต้าความรับผิดชอบเรื่องงบประมาณ "อย่างเท่าเทียม"

ขณะที่ก่อนร่วมโต๊ะประชุมนาโต ผู้นำสหรัฐกล่าวระหว่างร่วมรับประทานอาหารเช้ากับสโตลเทนเบิร์ก ถึงการที่เยอรมนีซื้อพลังงานทั้งน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติปริมาณและมูลค่ามหาศาลจากรัสเซีย ซึ่งกลายเป็นเงื่อนไขทำให้รัฐบาลมอสโกสามารถ "ครอบงำ" เยอรมนีให้เป็น "ตัวประกัน" และนาโตควรตรวจสอบเรื่องดังกล่าวอย่าวเร่งด่วน ทรัมป์กล่าวต่อไปอีกว่า สหรัฐปกป้องเยอรมนี ฝรั่งเศส และแทบทุกประเทศในยุโรป แต่ประเทศเหล่านั้นกลับลงนามความร่วมมือด้านพลังงานกับรัสเซีย  "เป็นเรื่องน่าเศร้าและไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง"

ด้านนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล กล่าวตอบว่าจริงอยูที่ดินแดนบางส่วนของเยอรมนีเคยอยู่ภายใต้อิทธิพลของสหภาพโซเวียตในสมัยสงครามเย็น แต่ชาวเยอรมันทุกคนภาคภูมิใจกับความเป็นเอกราชของบ้านเมืองในปัจจุบัน รัฐบาลบริหารนโยบายได้อย่างอิสระและสามารถตัดสินใจเพื่อประชาชน อนึ่ง แมร์เคิลถือเป็นนายกรัฐมนตรีเยอรมนีคนแรกซึ่งเติบโตในภูมิภาคที่เคยเป็นเยอรมนีตะวันออกมาก่อน.

ที่มาข่าว : https://www.dailynews.co.th/foreign/654497