โชว์สเปครถเกราะล้อยาง50ล.กองทัพเรือใช้ภารกิจสงคราม-ผู้รับผิดชอบปัดแจงอ้างข้อมูลชั้นความลับ
“...เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ คอมมอนเรล 4 จัวหวะ ระบายความร้อนด้วยน้ำ มีแรงม้าไม่น้อยกว่า 420 แรงม้า ที่ความเร็วรอบ 1,900 รอบ/นาที มีแรงบิดไม่น้อยกว่า 2,010 นิวตัน-เมตร ที่ความเร็ว 1,200 รอบ/นาที หลังคาและด้านข้างตัวรถทำด้วยเหล็กเกราะป้องกันกระสุน (ARMOURSTEEL) ความหนาไม่น้อยกว่า 8 มม. หรือความหนาตามมาตรฐานเฉพาะของผู้ผลิตเหล็กเกราะที่สามารถป้องกันกระสุนได้ตามมาตรฐาน NATO STANAG 4569 level 2…”
สาธารณชนคงได้รับทราบข้อมูลกันไปแล้วว่า เมื่อวันที่ 3 ก.ค.2561 ที่ผ่านมา สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้ตรวจสอบข้อมูลจากเว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลจัดซื้อจ้างและราคากลางของกองทัพเรือ พบว่า เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 2561 กองทัพเรือ ได้เผยแพร่ประกาศราคากลางจัดซื้อรถเกราะล้อยาง แบบ 4X4 ของกรมการขนส่งทหารเรือ กำหนดวงเงินงบประมาณอยู่ที่ 50 ล้านบาท ระบุแหล่งที่มาของราคากลางอ้างอิง จาก บริษัทพนัส แอสเซมบลีย์ จำกัด เพียงรายเดียว เพื่อใช้ในภารกิจการทำสงครามเป็นหลัก เบื้องต้นมีการกำหนดระยะเวลายื่นซอง 15-22 มิ.ย. 2561 เปิดซอง 25 มิ.ย. 2561 แต่ในเว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลจัดซื้อจ้างและราคากลางของกองทัพเรือ ยังไม่มีการเปิดเผยรายชื่อผู้ชนะแต่อย่างใด
ขณะที่สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบว่า เมื่อวันที่ 2 ก.ค. 2558 กองทัพเรือ ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายรถเกราะล้อยาง แบบ 4x4 จำนวน 2 คัน วงเงิน 39,990,000 บาท โดยวิธีพิเศษ จาก บริษัทพนัส แอสเซมบลีย์ จำกัด เช่นกัน กำหนดส่งมอบสินค้าวันที่ 27 ก.พ. 2559 โดยสินค้าชุดนี้ ถูกระบุว่าใช้สำหรับภารกิจค้นหาลาดตระเวนคุ้มครองประชาชน ตลอดจนการปฏิบัติภารกิจพิเศษอื่นๆ ตามที่ได้รับมอบหมายจากกองทัพเรือ (อ่านประกอบ : กองทัพเรือทุ่ม50ล.ซื้อรถเกราะล้อยางใช้ภารกิจสงครามเพิ่ม-สืบราคาบ.เจ้าเดิมขายให้2คันปี58)
น่าสนใจว่าข้อมูลเกี่ยวกับ คุณลักษณะทั่วไป และคุณลักษณะเฉพาะ ของ รถเกราะล้อยาง แบบ 4x4 ที่จัดซื้อใหม่โดยกรมการขนส่งทหารเรือ วงเงิน 50 ล้านบาท เป็นอย่างไร?
เบื้องต้น สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบข้อมูลจากเว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลจัดซื้อจ้างและราคากลางของกองทัพเรือเพิ่มเติม พบว่า เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 2561 กองทัพเรือ ได้เผยแพร่เอกสารกำหนด คุณลักษณะเฉพาะรถเกราะล้อยาง แบบ 4x4 ที่จัดซื้อใหม่โดยกรมการขนส่งทหารเรือ วงเงิน 50 ล้านบาท ระบุคุณลักษณะทั่วไป และคุณลักษณะเฉพาะ ดังนี้
@ คุณลักษณะทั่วไป
1. เป็นรถหุ้มเกราะลำเลียงพลทหาร แบบ 4x4 และมีน้ำหนักบรรทุก รวม (GVW) ขนาดไม่น้อยกว่า 17 ตัน สามารถป้องกันการโจมตีด้วยกระสุนปืนเล็ก และการลอบวางระเบิดของฝ่ายตรงข้าม
2. สามารถลำเลียงกำลังพล พร้อมอาวุธประจำกาย และสัมภาระที่จำเป็นได้อย่างน้อย 10 นาย (รวมพลขับ และ ผบ.รถ.)
3. สามารถปฏิบัติการได้ทุกสภาพพภูมิประเทศ ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน
4. ระยะปฏิบัติการบนถนน ไม่น้อยกว่า 800 กม.
5. สามารถทำความเร็วสูงสุดบนถนน (น้ำหนักบรรทุกเต็มอัตราพิกัด) ไม่น้อยกว่า 110 กม./ชม.
6. สามารถไต่ทางลาดชันในภูมิประเทศ เมื่อบรรทุกน้ำหนักตามอัตราพิกัดไม่น้อยกว่าร้อยละ 60
7. สามารถลุยน้ำ โดยไม่ใช้อุปกรณ์การลุยน้ำลึก ไม่น้อยกว่า 1.3 ม.
8. สามารถผ่านเครื่องกีดขวางที่มีความสูงไม่น้อยกว่า 500 มม. (น้ำหนักบรรทุกตามอัตราพิกัด)
@ คุณลักษณะเฉพาะ
เป็นเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ คอมมอนเรล 4 จัวหวะ ระบายความร้อนด้วยน้ำ มีแรงม้าไม่น้อยกว่า 420 แรงม้า ที่ความเร็วรอบ 1,900 รอบ/นาที มีแรงบิดไม่น้อยกว่า 2,010 นิวตัน-เมตร ที่ความเร็ว 1,200 รอบ/นาที
หลังคาและด้านข้างตัวรถทำด้วยเหล็กเกราะป้องกันกระสุน (ARMOURSTEEL) ความหนาไม่น้อยกว่า 8 มม. หรือความหนาตามมาตรฐานเฉพาะของผู้ผลิตเหล็กเกราะที่สามารถป้องกันกระสุนได้ตามมาตรฐาน NATO STANAG 4569 level 2 ผนังภายในประกอบด้วยแผ่นซับแรงชนิดหลายชั้นประกอบด้วยฉนวนกันความร้อนหนา 2 นิ้ว (ชนิดไม่ลามไฟ) แผ่นซับแรงสั่นสะเทือน (แผ่นแดมเปอร์) และแผ่นผ้าชนิดไม่ลามไฟและมีฐานสำหรับติดตั้งปืนกลเล็กขนาด 7.62 มม. 2 ตำแหน่ง ที่ด้านหน้าและกลางตัวรถ สามารถหมุนได้ 360 องศา
ด้านข้างและหลังคาสามารถป้องกันกระสุนขนาด 5.56 มม. ชนิดธรรมดา ชนิดมีแกนเหล็ก และขนาด 7.62 มม. ชนิดธรรมดาตามมาตรฐาน NATO STANAG 4569 level 2
ด้านใต้ท้องทำด้วยเหล็กเกราะพิเศษความหนาไม่น้อยกว่า 16 มม. สามารถรับแรงระเบิดได้ในระดับมาตรฐาน NATO STANAG 4569 level 3b เชื่อมเป็นรูปตัว V เสริมความแข็งแรงด้วยกรงเหล็ก
บริเวณพื้นห้องโดยสารภายในประกอบด้วยแผ่นซับแรงชนิดหลายชั้น ประกอบด้วยแผ่นเหล็กความหนา 6 มม. แผ่นซับแรงสะเทือน และแผ่นยางปูผื้น
กระจกบังลมหน้า และกรจกด้านข้างเป็นกระจกกันกระสุนชนิดใส สามารถป้องกันกระสุนขนาด 5.56 มม. ชนิดธรรมดา ชนิดมีแกนเหล็ก และขนาด 7.62 มม. ที่ระยะยิง 10 ม. ตามมาตรฐาน NATO STANAG 4569 level 2
ห้องโดยสารมีช่องใช้อาวุธด้านข้าง ด้านซ้าย 3 ช่อง ด้านขวา 3 ช่อง และด้านหลัง 1 ช่อง
มีที่นั่ง 10 ที่นั่ง ที่สามารถรับแรงระเบิด ซึ่งมีกลไกสปริงรับแรงของที่นั่ง สามารถตอบสนองการยุบตัวได้ เมื่อรับแรงกระแทกจากด้านใต้ของที่นั่ง
สมรรถนะเมื่อบรรทุกตามอัตราพิกัด ทำความเร็วสูงสุดบนนถนนไม่น้อยกว่า 110 กม./ชม. ไต่ลาดชันได้ 60% มุมถึงลาด 44 องศา มุมจากลาด 30 องศา ข้ามเครื่องกีดขวางได้ 500 มม. ระยะปฏิบัติการบนถนน 800 กม. ลุยน้ำลึกโดยไม่ใช้อุปกรณ์ช่วย 1.3 ม.
ระบบไฟฟ้า 24 โวลต์ ประกอบด้วยหม้อแบตเตอรี่ ขนาด 120 Amp/h จำนวน 2 หม้อ 1 ชุดสามารถใช้กับระบบต่างๆ ในตัวรถได้อย่างเพียงพอ
มีเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (AL TERNATER) ขนาดความดันกระแสไม่ต่ำกว่า 24 โวลต์ จำนวน 1 เครื่อง ให้แรงเคลื่อนกระแสไฟฟ้าไม่ต่ำกว่า 200 เอมแปร์
ถังน้ำมันเชื้อเพลิงความจุไม่น้อยกว่า 400 ลิตร
สีตัวรถเป็นกากีแกมเขียวตามมาตรฐานทางราชการ
ติดตั้งลวดสลิงขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 นิ้ว พร้อมห่วงคล้องยาว 6 ม. ไว้ด้านข้างตัวรถ
ติดตั้งกล้องอินฟาเรดด้านหน้าพร้อมจอแสดงภาพ จำนวน 1 ชุด
ติดตั้งกล้องวงจรปิดด้านหน้ารถ จำนวน 1 ตัว ดูด้านหลังรถ จำนวน 1 ตัว ดูด้านข้างซ้ายและด้านขวารถ ด้านละ 1 ตัว รวมเป็น 4 ตัว
ติดตั้งเครื่องปรับอากาศภายในรถ
กว้าง ขนาด 10 ตัน จำนวน 1 ชุด
ไฟค้นหา จำนวน 2 ชุด
อุปกรณ์มาตารฐานรถหุ้มเกราะ ประกอบด้วย ชุดเครื่องมือประจำรถพร้อมบล็อกลมขนาดแกนขับ ½ นิ้ว จำนวน 1 ชุด แม่แรงพร้อมด้าม 1 ชุด ประแจถอดล้อ 1 ชุด ถังน้ำยาดับเพลิงพร้อมแท่นยึด 5 ชุด หัวเติมลมยางพร้อมสาย 1 ชุด ถังน้ำมันอะไหล่ขนาด 20 ลิตร 2 ถัง
โดยต้องเป็นของใหม่ ไม่เคยใช้งานมาก่อน เว้นการทดสอบในขั้นตอนการผลิตอยู่ในสภาพเรียบร้อยสามารถใช้ในราชการได้ทันที
สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับผู้ขายนั้น กำหนดว่าต้องมีศูนย์บริการหลังการขายและหน่วยบริการซ่อมทำเคลื่อนที่ที่สามารถให้บริการหลังการขายได้ ตามระยะเวลาวงรอบการปรณนิบัติบำรุง ต้องมีหนังสือรับรองการสนับสนุนอะไหล่ให้กับกองทัพเรือเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 10 ปี และต้องมีหนังสือรับรองการรับประกันไม่น้อยกว่า 2 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่ง และต้องมีการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ของกองทัพเรือ จำนวนไม่น้อยกว่า 10 นาย เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 5 วัน ให้เข้าใจจนสามารถใช้งาน และปรนนิบัติบำรุงรักษารถหุ้มเกราะได้อย่างดีและเต็มประสิทธิภาพโดยผู้ขายเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เป็นต้น (ดูเอกสารประกอบ)
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2561 ที่ผ่านมา สำนักข่าวอิศราได้ติดต่อ พล.ร.ต. จงกล มีสวัสดิ์ เจ้ากรมการขนส่งทหารเรือ กรมการขนส่งทหารเรือ กองทัพเรือ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับรายละเอียดการจัดซื้อรถหุ้มเกราะล้อยางใหม่ วงเงิน 50 ล้านบาท ดังกล่าว
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่หน้าห้องเจ้ากรมการขนส่งทหารเรือ แจ้งว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นชั้นความลับไม่สามารถให้ข้อมูลได้ และได้แนะนำให้ติดต่อไปที่ น.อ.รพีพงศ์ มณีพรรณ ผู้อำนวยการกองส่งกำลังบำรุง กรมการขนส่งทหารเรือ ซึ่งปรากฏชื่อเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ผู้กำหนดราคากลางงานประกวดราคาจัดซื้อรถหุ้มเกราะล้อยางใหม่ ในวงเงิน 50 ล้านบาท ดังกล่าวอีกครั้ง
อย่างไรก็ดี น.อ.รพีพงศ์ กล่าวชี้แจงกับสำนักข่าวอิศราว่า ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดซื้อรถหุ้มเกราะล้อยางดังกล่าวไม่สามารถเปิดเผยได้ และไม่สะดวกที่จะให้ข้อมูลทางโทรศัพท์
ณ ขณะนี้ จึงทำให้ยังไม่ได้รับการยืนยันข้อมูลเป็นทางการเกี่ยวกับรายละเอียดการจัดซื้อรถหุ้มเกราะล้อยางใหม่ วงเงิน 50 ล้านบาท ดังกล่าว รวมถึงรายชื่อเอกชน ที่ปรากฏชื่อเป็นคู่สัญญาขายสินค้าให้ว่าเป็นใครกันแน่ด้วย?
อ่านประกอบ :
กองทัพเรือทุ่ม50ล.ซื้อรถเกราะล้อยางใช้ภารกิจสงครามเพิ่ม-สืบราคาบ.เจ้าเดิมขายให้2คันปี58