เบื้องหลังศึก2ค่ายยักษ์!ทรู vs เอไอเอส อ้างมีสิทธิ์ถ่ายสดบอลโลก2018-คนดูรับกรรม?
เบื้องหลัง 2 ค่ายมือถือยักษ์ใหญ่เปิดศึกปมลิขสิทธิ์ถ่ายสดฟุตบอลโลก 2018 กลุ่ม TRUE ยันเป็นตัวกลางได้ลิขสิทธิ์ แต่ถูกละเมิด ยันหากปล่อยไว้อาจถูก FIFA เลิกสัญญาได้ ด้านกลุ่ม AIS ยกประกาศ กสทช. กฎ Must Carry มาใช้ อ้างเป็นสิทธิประชาชนได้รับชมข้อมูลข่าวสารทุกช่องทางอย่างเท่าเทียมทั่วถึง ก่อนศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯสั่งยุติเผยแพร่ชั่วคราว
ทำเอาวงการทีวีร้อนฉ่า และผู้บริโภคที่รับชมศึกฟุตบอลโลก 2018 ขาประจำ ต้องจับจ้องกรณีนี้ในทันที
พลันที่กลุ่มทรู (TRUE) โดยบริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด ยื่นฟ้องต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญา และการค้าระหว่างประเทศกลาง ต่อกลุ่มเอไอเอส (AIS) โดยบริษัท ไมโม่เทค จำกัด และบริษัท ซุปเปอร์ บรอดแบนด์ เน็ทเวอร์ค จำกัด (ในเครือ AIS) กรณีเผยแพร่ภาพการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2018
เพราะศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ มีคำสั่งให้ AIS ยุติการเผยแพร่ภาพการถ่ายทอดสดดังกล่าวผ่านทางแอพพลิเคชั่น AIS Play และ AIS Play Box เป็นการชั่วคราวแล้ว โดยมีผลเมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 2561 ที่ผ่านมา (อ่านประกอบ : ทรูเปิดศึกฟ้องเอไอเอส!ปมถ่ายสดบอลโลก-ศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯสั่งยุติเผยแพร่แล้ว)
ข้อเท็จจริงกรณีนี้คือ ต่างฝ่ายต่างอ้างว่า ตัวเอง ‘มีสิทธิ์’ ในการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2018 ดังกล่าว ?
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำคำชี้แจง-เหตุผลของ 2 ค่ายยักษ์ใหญ่มือถือ-อินเทอร์เน็ต มาเผยแพร่ ดังนี้
กลุ่ม TRUE
ตามที่ AIS Play ได้นำสิทธิการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ผ่านมือถือไปใช้ โดยไม่เคยได้รับอนุญาตจากทางฟีฟ่า (FIFA) ล่วงหน้า และไม่เคยดำเนินการแจ้งขอผ่านบริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด ที่เป็นตัวกลางในการดูแลลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกในประเทศไทยให้ขออนุญาตจาก FIFA เพื่อถ่ายทอดสดผ่านแอพพลิเคชั่น AIS Play บนมือถือ จึงเป็นความรับผิดชอบของบริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด ในฐานะผู้ดูแลลิขสิทธิ์ในประเทศไทย ต้องดูแลให้เป็นไปตามกติกาข้อกำหนดของ FIFA เพื่อปกป้องชื่อเสียงของประเทศไทยจากการฟ้องร้องทางลิขสิทธิ์
บริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด จึงได้ดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง โดยเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2561 ศาลมีคำสั่งให้บริษัท ไมโม่เทค จำกัดและบริษัท ซุปเปอร์ บรอดแบนด์ เน็ทเวอร์ค จำกัด (“บริษัทในเครือ AIS”) ดำเนินการแจ้งการยุติแพร่ภาพให้ผู้ชมที่ใช้แอพพลิเคชั่น AIS PLAY ทราบผ่านแอพพลิเคชั่น AIS PLAY ภายในเวลาที่ศาลกำหนด และเมื่อครบกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว บริษัทในเครือ AIS ยุติการนำสัญญาณการถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2018 ของ ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป เข้าสู่ระบบการเผยแพร่ผ่านแอพพลิเคชั่น AIS PLAY หรือแอพพลิเคชั่นอื่นใดของบริษัทในเครือ AIS ในทันทีต่อไป
โดยถือว่าบริษัทในเครือ AIS นำงานแพร่เสียงแพร่ภาพที่ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป ได้รับลิขสิทธิ์และมีลิขสิทธิ์มาเผยแพร่ต่อสาธารณะชนโดยไม่ได้รับอนุญาตจาก ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป อันเป็นการดำเนินการที่กระทบกระเทือนต่อสิทธิ์ของทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป โดยตรงและสุ่มเสี่ยงต่อการที่สหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ (“FIFA”) อาจบอกเลิกสัญญากับทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จึงอาจก่อให้เกิดความเสียหายในลักษณะที่ไม่อาจชดใช้ด้วยเงินหรือทดแทนด้วยสิ่งอื่นใด
ทรู วิชั่นส์ กรุ๊ป มีความเป็นห่วงว่า หาก FIFA เลิกสัญญาให้ใช้สิทธิกับทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป ดังกล่าวจะส่งผลให้ประชาชนชาวไทยทั้งประเทศจะไม่สามารถรับชมการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2018 ได้อีกต่อไป
กลุ่ม AIS
ออกเอกสารข่าว ระบุว่ากรณีบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS เผยแพร่ข่าวขอภัยลูกค้าที่ใช้แอพพลิเคชั่น AIS Play และ AIS Play Box กรณีไม่สามารถรับชมการถ่ายทอดฟุตบอลโลก 2018 ได้ เนื่องจากบริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด ในเครือ TRUE ยื่นฟ้องศาลให้ระงับการถ่ายทอดผ่าน AIS Play และ AIS Play Box ดังกล่าว
ตามที่บริษัท ซุปเปอร์ บอรดแบนด์ เน็ทเวอร์ค จำกัด หรือ SBN บริษัทในเครือของ AIS ในฐานะผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียง หรือโทรทัศน์ เพื่อให้บริการโครงข่ายกิจการกระจายเสียง หรือโทรทัศน์ สำหรับกิจการที่ไม่ใช้คลื่นความถี่ ได้ดำเนินการถ่ายทอดรายการโทรทัศน์จากช่อง Free TV ทุกช่อง รวมถึงการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 จาก 3 ช่อง ได้แก่ ช่อง 5 ช่อง TRUE4U และช่องอัมรินทร์ทีวี ผ่านทาง AIS Play และ AIS Play Box ตั้งแต่ต้นจนถึงวันที่ 27 มิ.ย. 2561 นั้น
AIS ขอเรียนแจ้ง และยืนยันว่า ที่ผ่านมาการออกอากาศรายการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 จากช่อง 5 ช่อง TRUE4U และช่องอัมรินทร์ทีวีผ่าน AIS Play และ AIS Play Box เป็นหน้าที่ที่บริษัทต้องปฏิบัติตามประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์การเผยแพร่กิจการโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไป (ประกาศ Must Carry) มีวัตถุประสงค์ให้ประชาชนทั่วไปได้รับชมรายการโทรทัศน์ที่มีการออกอากาศทั่วไป (Free TV) ได้โดยตรงอย่างต่อเนื่อง และไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทำซ้ำ ดัดแปลงผังรายการ หรือเนื้อหารายการ เพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิของประชาชน ให้สามารถเข้าถึงข้อมูลอย่างเท่าเทียมและทั่วถึงในทุกช่องทาง
ปัจจุบันบริษัทมีความจำเป็นต้องยุติการออกอากาศการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย. 2561 เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป เนื่องจากศาลทรัพย์สินทางปัญญา และการค้าระหว่างประเทศกลาง มีคำสั่งให้บริษัทยุติการเผยแพร่รายการดังกล่าวตามที่บริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด ได้ร้องขอต่อศาลไว้ บริษัทจึงขออภัยผู้ใช้บริการทุกท่านในการยุติการถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ตามคำสั่งศาลข้างต้น
หากสรุปข้อเท็จจริง เหตุผล-คำชี้แจงของทั้ง 2 ค่าย คือ
กลุ่ม TRUE อ้างว่า เป็นตัวกลางในการดูแลลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก 2018 ที่ได้จาก FIFA และหากมีบริษัทอื่นนำภาพดังกล่าวไปเผยแพร่ โดยไม่ขออนุญาต FIFA หรือขออนุญาต TRUE ก่อน ถือว่าทำไม่ถูกต้อง และอาจทำให้ FIFA พิจารณาบอกเลิกสัญญา และจะกระทบต่อการเผยแพร่ภาพถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2018 ต่อไป
กลุ่ม AIS อ้างว่า การเผยแพร่ภาพถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2018 ดำเนินการตามประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์การเผยแพร่กิจการโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไป (ประกาศ Must Carry) มีวัตถุประสงค์ให้ประชาชนทั่วไปได้รับชมรายการโทรทัศน์ที่มีการออกอากาศทั่วไป (Free TV) ได้โดยตรงอย่างต่อเนื่อง และไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทำซ้ำ ดัดแปลงผังรายการ หรือเนื้อหารายการ เพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิของประชาชน ให้สามารถเข้าถึงข้อมูลอย่างเท่าเทียมและทั่วถึงในทุกช่องทาง
ไม่ว่าท้ายสุดเรื่องนี้จะมีบทสรุปอย่างไร คงต้องรอการพิจารณาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ ต่อไป
แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นแล้วในปัจจุบันคือ ผู้บริโภค โดยเฉพาะที่ใช้เครือข่าย AIS จะไม่สามารถรับชมฟุตบอลโลก 2018 ผ่านทางแอพพลิเคชั่น AIS Play และ AIS Play Box ได้อีกต่อไป
เรื่องนี้จะจบลงอย่างไร คงต้องติดตามกันต่อไปอย่างใกล้ชิด !