ศาลฎีกาฯออกหมายจับ 'แม้ว' เพิ่มอีกคดี
วันที่ 20 มิ.ย.2561 ที่ศาลฎีกาเเผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ.แจ้งวัฒนะ ศาลนัดพิจารณาคดีครั้งแรกในคดีหมายเลขแดงที่ อม.55/2558 ในคดีที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมทุจริตการปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทยฯ กับกลุ่มกฤษดามหานคร
โดยการยื่นฟ้องในคดีนี้เป็นคดีที่ พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษได้รับมอบอำนาจจากอัยการสูงสุด ดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาฯ ให้ดำเนินกระบวนพิจารณาคดีต่อ จากคดีร่วมทุจริตการปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทยฯ ให้กับกลุ่มบริษัทกฤษดามหานคร หมายเลขดำที่ อม.3/2555 ที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายทักษิณกับพวกรวม 27 คน เป็นจำเลย เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 2555 และศาลมีคำพิพากษาจำคุกจำเลยอื่นที่เกี่ยวข้องไปแล้ว แต่นายทักษิณหลบหนีไป โดยไม่ต้องกระทำต่อหน้านายทักษิณตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 28 ที่บัญญัติสาระสำคัญว่า ในกรณีที่ศาลประทับรับฟ้องไว้ตามมาตรา 27 ที่เมื่อศาลได้ส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องให้จำเลยทราบโดยชอบแล้วแต่จำเลยไม่มาศาล ให้ศาลออกหมายจับจำเลย และให้ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องติดตามหรือจับกุมจำเลย รายงานผลการติดตามจับกุมเป็นระยะตามที่ศาลกำหนด แต่ถ้าไม่สามารถจับจำเลยได้ภายในสามเดือนนับแต่ออกหมายจับ ให้ศาลมีอำนาจพิจารณาคดีได้โดยไม่ต้องกระทำต่อหน้าจำเลย แต่ไม่ตัดสิทธิจำเลยที่จะตั้งทนายความมาดำเนินการแทนตนได้ และไม่ตัดสิทธิจำเลยที่จะมาต่อสู้คดี
โดยในวันนี้อัยการโจทก์เดินทางมาศาล ส่วนฝ่ายจำเลยไม่มีผู้ใดเดินทางมา
องค์คณะผู้พิพากษาพิจารณาแล้วเห็นว่านายทักษิณ จำเลยที่ 1 ทราบนัดโดยชอบแล้วไม่เดินทางมาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง ถือว่ามีพฤติการณ์หลบหนี จึงให้ออกหมายจับ ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา28 พร้อมให้โจทก์รายงานผลการจับกุม ให้ศาลรับทราบทุกเดือน ส่วนที่จำเลยไม่มาศาลในการพิจารณาครั้งเเรกให้ถือว่าจำเลยให้การปฏิเสธ ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 33 จึงให้นัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 26 ก.ย. 2561 เวลา 13.30 น. โดยให้โจทก์ยื่นบัญชีพยานหลักฐานก่อนวันนัดตรวจพยานหลักฐาน 14 วัน และให้ส่งหมายแจ้งให้จำเลยทราบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับหมายจับที่ออกในวันนี้ถือเป็นหมายจับในคดีที่สองที่มีการรื้อฟื้นขึ้นมาพิจารณาลับหลังจำเลย หลังจากคดีแรกที่นายทักษิณถูกออกหมายจับในคดีออกกฎหมายแปลงค่าสัมปทานโทรคมนาคมและมือถือเป็นภาษีสรรสามิต
ที่มา : https://www.thaipost.net/main/detail/11756