7 ปี ไร้เยียวยา บุกยึดทรัพย์ ขสมก. 5 ส. เหตุไม่จ่ายเงินตามคำพิพากษา
ผู้เสียหายจากอุบัติเหตุ พร้อมด้วยหัวหน้าศูนย์ทนายความเพื่อผู้บริโภค บุกยึดทรัพย์ ขสมก. 5 แสนบาท หลังเบี้ยวจ่ายค่าเสียหายตามคำพิพากษานานกว่า 7 ปี
เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 2561 เวลาประมาณ 11.00 น. นางอารี แซ่เลี้ยว ผู้เสียหายจากอุบัติเหตุรถเมล์โดยสารขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ พร้อมด้วยนายเฉลิมพงษ์ กลับดี หัวหน้าศูนย์ทนายความเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค เจ้าหน้าที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และเจ้าพนักงานบังคับคดี เดินทางไปที่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ เพื่อดำเนินการยึดทรัพย์บังคับคดีในฐานะจำเลยของคดี เพื่อบังคับจ่ายค่าเสียหายตามคำพิพากษาของศาล
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 23 เม.ย. 2550 นางอารีได้โดยสารรถเมล์สาย 4 ของ ขสมก. เพื่อเดินทางจากคลองเตยกลับบ้านที่บางกอกใหญ่ ระหว่างทางพนักงานขับรถได้ขับรถเมล์คันดังกล่าวด้วยความเร็วสูง แต่เมื่อถึงบริเวณแยกสามย่าน ได้เบรกรถกะทันหัน เป็นเหตุให้ใบหน้าของนางอารีชนกระแทกกับราวเหล็กพนักพิงเบาะนั่งด้านหน้าอย่างรุนแรง ทำให้ฟันหน้าด้านล่างหัก 3 ซี่ ปวดศีรษะอย่างรุนแรง และใบหน้าบวมผิดรูป ต่อมานางอารีได้เข้ารับการรักษาอาการบาดเจ็บ และติดต่อให้ ขสมก. รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น แต่กลับถูกปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือ
จากเหตุดังกล่าว นางอารี จึงได้ยื่นฟ้องนายมานิต หวังสะแล่ะฮ์ จำเลยที่ 1 และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำเลยที่ 2 ต่อศาลแพ่ง เป็นคดีผู้บริโภค เรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 1,328,298.11 บาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5 ต่อปีนับจากวันฟ้อง เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2554
ต่อมาศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาให้จำเลยทั้งสอง เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2554 ให้ร่วมกันชำระค่าเสียให้แก่ นางอารี เป็นเงิน 164,475 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 นับตั้งแต่วันฟ้องจนชำระเสร็จสิ้น จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ถัดมาเมื่อวันที่ 11 ก.ค. 2556 ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายให้แก่ นางอารี เป็นเงิน 347,225 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขออนุญาตฎีกา ต่อมาเมื่อวันที่ 3 พ.ค.2559 ศาลฎีกามีคำสั่ง ยกคำร้องและไม่รับฎีกาของจำเลยทั้งสอง เป็นเหตุให้คดีสิ้นสุดในชั้นฎีกา
หลังจากศาลฎีกามีคำสั่ง นางอารีและเจ้าหน้าที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคในฐานะผู้รับมอบอำนาจ ได้ติดตามทวงถามค่าเสียหายตามคำพิพากษากับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพหลายครั้ง แต่กลับถูกบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด เป็นเหตุให้จำเป็นต้องดำเนินการยึดทรัพย์บังคับคดีตามคำพิพากษาของศาลในวันนี้ อย่างไรก็ตามระหว่างดำเนินการยึดทรัพย์ได้มีการเจรจาร่วมกัน องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพยินยอมจ่ายค่าเสียหายตามคำพิพากษาและค่าใช้จ่ายที่ศาลกำหนดภายในวันที่ 29 มิ.ย. 2561 เป็นเงินจำนวน 532,348.35 บาท พร้อมทำหนังสือขอแสดงความเสียใจต่อเสียหายจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นให้กับนางอารี แซ่เลี้ยว
นายเฉลิมพงษ์ กลับดี หัวหน้าศูนย์ทนายความเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค กล่าวว่า คดีนี้ถือตัวอย่างของความรับผิดชอบต่อสังคม โดยเฉพาะองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ในฐานะรัฐวิสาหกิจที่ประกอบการรถโดยสารสาธารณะ ที่ต้องมีความรับผิดชอบต่อผู้บริโภคที่ได้รับความเสียหาย ซึ่งนับตั้งแต่ศาลฎีกามีคำพิพากษา องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ในฐานะจำเลยก็ไม่เร่งรีบดำเนินการชดเชยเยียวยาความเสียหาย กลับปล่อยให้คดีมีความล่าช้า จึงเป็นเหตุให้ผู้เสียหายจำเป็นต้องดำเนินการยึดทรัพย์บังคับคดีทรัพย์สินขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ในวันนี้ เพื่อคงไว้ซึ่งบรรทัดฐานของกฎหมาย และรักษาสิทธิของผู้บริโภคในฐานะประชาชนคนหนึ่ง