ลงนามปลดนิวเคลียร์-สร้างสันติภาพ โลกชื่นชม‘ทรัมป์-คิม’ เร่งฟื้นความสัมพันธ์2ประเทศ
ปิดฉากชื่นมื่น “สิงคโปร์ซัมมิต” ผู้นำสหรัฐ-เกาหลีเหนือหารือครั้งประวัติศาสตร์ ลงนามข้อตกลงสำคัญร่วมกันก่อนออกแถลงการณ์ครอบคลุมประเด็นที่ทั่วโลกรอลุ้น “ปลดนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์-ความสัมพันธ์ทวิภาคีคาบสมุทรเกาหลี–การค้นหาเชลยศึกหรือทหารที่สูญหายในสงคราม”
ด้านทรัมป์แถลงหลังปิดฉากหารือประกาศระงับซ้อมรบเกาหลีใต้ชั่วคราว แต่ย้ำมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือยังอยู่ จนกว่าจะปลดอาวุธนิวเคลียร์สมบูรณ์ 100% ขณะที่ “คิม”ประกาศตัดสินใจทิ้งอดีตไว้เบื้องหลัง
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ที่โรงแรมคาเปลลา บนเกาะเซนโตซา ประเทศสิงคโปร์ เมื่อเวลา 09.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลา 08.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริการ่วมประชุมสุดยอดผู้นำ (ซัมมิต) กับนายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนืออย่างเป็นทางการ ในประเทศที่มีความเป็นกลาง อย่างสิงคโปร์เป็นเจ้าภาพ ท่ามกลางการเฝ้าจับตามองจากประชาคมโลก
ทันทีที่ผู้นำทั้งสองประเทศเดินทางมาถึง และพบหน้ากันครั้งแรกได้ตรงเข้าจับมือทักทายพร้อมถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ซึ่งนับเป็นภาพประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ก่อนเดินเข้าห้องประชุมที่รัฐบาลสิงคโปร์ จัดเตรียมไว้ โดยอนุญาตให้เฉพาะสื่อมวลชนที่ได้รับการคัดเลือกเข้าไปบันทึกภาพ ก่อนจะปิดประตูหารือกันแบบตัวต่อตัว มีเพียงล่ามฝ่ายละ 1 คนเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้นำทั้งสองใช้เวลาหารือสองต่อสองประมาณ 41 นาทีท่ามกลางบรรยากาศที่ผ่อนคลาย จากนั้นเวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น เป็นการหารือแบบทวิภาคีเต็มคณะ โดยฝ่ายสหรัฐมีนายไมค์ ปอมปีโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ นายจอห์น เคลลี หัวหน้าเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว และจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงเข้าร่วมด้วย ส่วนฝ่ายเกาหลีเหนือมีนายคิม ยองชอล อดีตหัวหน้าหน่วยข่าวกรองทหาร และนายรี ยองโฮ รัฐมนตรีต่างประเทศเข้าร่วม
โดยประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่มาติดตามการหารือครั้งประวัติศาสตร์ว่า บรรยากาศเป็นไปอย่างดีมาก สัมพันธไมตรีเยี่ยมยอด ทั้งนี้ ก่อนเริ่มต้นหารือทวิภาคีผู้นำสหรัฐยังจับมือผู้นำคิมและกล่าวว่า รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาประชุมกับท่านและคณะ เราจะแก้ปัญหาใหญ่ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกไปด้วยกัน จนกว่าจะถึงจุดที่ไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้อีกต่อไป
ส่วนนายคิม จองอึนกล่าว่า ยังมีสิ่งท้าทายหลายอย่างรออยู่ข้างหน้า แต่ตนจะร่วมมือกับทรัมป์ คาดว่าถ้าการเจรจาครั้งนี้ประสบความสำเร็จ อาจพลิกโฉมสถานการณ์ความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือเหมือนที่อดีตประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ของสหรัฐเดินทางเยือนจีน เมื่อปี 2515
จากนั้นทั้งสองฝ่ายได้รับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน ก่อนที่ผู้นำสหรัฐและผู้นำเกาหลีเหนือได้ลงนามเอกสารสำคัญข้อตกลงร่วมกัน เวลา 13.00 น.ตามเวลาในประเทศไทย ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวก่อนลงนามว่า ข้อตกลงดังกล่าวมีความสำคัญ ค่อนข้างครอบคลุมและจะแถลงรายละเอียดเวลา 16.00 น.
ด้านนายคิมกล่าวขอบคุณประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ทำให้การประชุมครั้งนี้เกิดขึ้น และตัดสินใจทิ้งอดีตไว้เบื้องหลัง โลกจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเสร็จสิ้นการลงนาม นายคิม จอง-อึนและคณะเดินทางกลับกรุงเปียงยางทันที โดยผู้นำสหรัฐมาส่งผู้นำเกาหลีเหนือและคณะออกเดินทางกลับด้วยตัวเอง ก่อนเดินทางกลับช่วงค่ำวันเดียวกันตามเวลาท้องถิ่น
สำหรับแถลงการณ์ร่วมที่ผู้นำเกาหลีเหนือและสหรัฐลงนามหลังประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์รายละเอียดระบุว่า ประธานาธิบดีทรัมป์และประธานคิมได้แลกเปลี่ยนทัศนะเรื่องสร้างความสัมพันธ์ทวิภาคีใหม่ การสร้างระบอบสันติที่ยั่งยืนและรุ่งเรืองบนคาบสมุทรเกาหลี ประธานาธิบดีทรัมป์ให้คำมั่น จะให้การรับรองความปลอดภัยแก่เกาหลีเหนือ ขณะที่ประธานคิมย้ำเรื่องความมุ่งมั่นที่จะทำให้คาบสมุทรเกาหลีปลอดนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์ โดยสาระสำคัญของการหารือระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศมีดังนี้
1. สหรัฐและเกาหลีเหนือให้คำมั่นจะสร้างความสัมพันธ์ใหม่ตามความปรารถนาของประชาชนทั้งสองประเทศ เพื่อสันติภาพ และความรุ่งเรือง
2. สหรัฐและเกาหลีเหนือจะร่วมสร้างระบอบสันติที่ยั่งยืนและมั่นคงบนคาบสมุทรเกาหลี
3.ยืนยันตามปฏิญญาปันมุมจอมวันที่ 27 เมษายน 2561 เกาหลีเหนือให้คำมั่นจะเดินหน้าปลดนิวเคลียร์คาบสมุทรเกาหลีอย่างสมบูรณ์
4.สหรัฐและเกาหลีเหนือให้คำมั่นจะค้นหาร่างเชลยสงครามและหรือทหารที่สูญหายขณะปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งเร่งส่งคืนร่างที่พบแล้ว
ทั้งนี้ ตอนท้ายของแถลงการณ์ร่วมระบุด้วยว่า ทั้งสองประเทศจะจัดการเจรจาสานต่อโดยนายไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเกาหลีที่เกี่ยวข้องโดยเร็วที่สุด
กระทั่งเวลา 16.00น.ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์กับนายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ที่มีสาระสำคัญระบุถึงบทบาทของสหรัฐที่จะเปลี่ยนแปลงไปนับแต่วันนี้ โดยระบุว่า ต่อไปนี้จะระงับการซ้อมรบกับเกาหลีใต้ไว้ก่อน แต่ถ้าเกาหลีเหนือตุกติก ทดลองนิวเคลียร์อีก สหรัฐจะกลับมาซ้อมรบกับเกาหลีใต้อีกครั้ง
ผู้นำสหรัฐยังชื่นชมนายคิมว่าเป็นผู้นำที่มีพรสวรรค์ ขึ้นบริหารประเทศตั้งแต่อายุน้อย เด็ดขาด และรักชาติมาก ถ้านายคิม จองอึน สัญญาแล้วว่าจะยกเลิกทดลองอาวุธนิวเคลียร์แบบเด็ดขาด ต่อไปนี้เกาหลีเหนือจะมีแต่ได้กับได้ เพราะประเทศต่างๆ ก็อยากเป็นเพื่อนกับเกาหลีเหนือ และชื่อของเขาจะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่า เป็นผู้นำที่นำความมั่งคั่งมาสู่ชาวเกาหลีเหนือ ที่ทุกวันนี้กำลังอดยาก หิวโหย จากการปิดประเทศ หากเปลี่ยนแปลงในวันนี้ ประชาชนก็จะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ผู้นำสหรัฐกล่าวด้วยว่า นายคิมกระซิบบอกว่า ได้ทำลายสถานที่ทดลองนิวเคลียร์อีกแห่งแล้ว และจะเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายหลังการประชุมสุดยอดครั้งนี้ ซึ่งการหารือวันนี้เป็นไปอย่างซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา และได้ผลออกมาน่าพอใจ แต่ย้ำว่ามาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อเกาหลีเหนือยังคงอยู่ จนกว่าการปลดอาวุธนิวเคลียร์จะเป็นไปอย่างสมบูรณ์ 100% และตนจะเดินทางไปเยือนกรุงเปียงยางตามคำเชิญของคิมแน่นอน และนายคิมก็จะได้ไปเยือนทำเนียบขาวเช่นกัน
มีท่าทีของผู้นำเกาหลีใต้ต่อการหารือครั้งประวัติศาสตร์ครั้งนี่ โดยประธานาธิบดีมุน แจ-อิน ผู้นำเกาหลีใต้ กล่าวระหว่างชมการถ่ายทอดสดการพบหารือครั้งประวัติศาสตร์ ระหว่างผู้นำสหรัฐกับผู้นำเกาหลีเหนือโดยยอมรับว่า นอนแทบไม่หลับ แต่เมื่อได้เห็นบรรยากาศการประชุมแล้ว ถือเป็นแรงกระตุ้นครั้งสำคัญให้รัฐบาลโซลเพิ่มความมุ่งมั่นมากขึ้น เพื่อให้กระบวนการปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลีลุล่วง
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ชาวเกาหลีและผู้คนจำนวนมากทั้งในสิงคโปร์ และหลายประเทศทั่วโลกต่างติดตามนาทีประวัติศาสตร์การประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์กับคิม ด้วยความปลาบปลื้มตื้นตันใจที่โอกาสการเกิดสันติภาพและการยุติความบาดหมางระหว่างสหรัฐฯ กับเกาหลีเหนือ ที่จะนำไปสู่สันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลีอยู่ไม่ไกลเกินคาดหวัง
นอกจากนี้ ทางการปักกิ่งเผยแพร่แถลงการณ์จากหวัง ยี่ รมว.กระทรวงต่างประเทศของจีน ประเทศพันธมิตรสำคัญของเกาหลีเหนือชื่นชมการประชุมที่ผ่านไปได้ด้วยดี และหวังให้ทั้งสองฝ่ายกระชับสัมพันธ์ ยกระดับความร่วมมือ เพื่อบรรลุการรื้อถอนนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลีต่อไป
สำนักข่าวทาสส์รายงานอ้างถึง นายเซอร์เก เรียบคอฟ รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศรัสเซียกล่าวแสดงความยินดีกับผลสำเร็จในการหารือ แต่ยังมีรายละเอียดอีกมากที่ต้องพิจารณา อย่างไรก็ดี รัสเซียหวังว่าการเจรจา 6 ฝ่ายระหว่างเกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ สหรัฐ รัสเซีย ญี่ปุ่น และจีน จะกลับมามีความสำคัญอีกครั้ง