สหรัฐเตือนพลเมืองในจีน ระวัง"คลื่นเสียงปริศนา"
รัฐบาลวอชิงตันขยายขอบเขตการเตือนภัยด้านสุขภาพต่อพลเมืองในจีนเป็น "ทั่วประเทศ" หลังอพยพเจ้าหน้าที่การทูตจำนวนหนึ่งกลับมารักษาในสหรัฐ จากการล้มป่วยผลจาก "คลื่นเสียงไม่ทราบที่มา"
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 2561ว่ากระทรวงการต่างประเทศสหรัฐออกแถลงการณ์ผ่านสถานเอกอัครราชทูตประจำกรุงปักกิ่ง เรื่องการขยายขอบเขตการเตือนภัย "อันตรายด้านสุขภาพ" ต่อพลเมืองอเมริกันในจีน จากเฉพาะในเขตท้องที่เมืองกว่างโจว เมืองเอกของมณฑลกวางตุ้ง เป็น "ทั่วประเทศ" ปัจจุบันนอกเหนือจากสถานเอกอัครราชทูตในกรุงปักกิ่ง และสถานกงสุล ณ เมืองกว่างโจวแล้ว
สหรัฐยังมีสถานกงสุลประจำเมืองเฉิงตู นครเซี่ยงไฮ้ เมืองเสิ่นหยาง และเมืองอู๋ฮั่นความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วัน หลังรัฐบาลวอชิงตันรายงานเมื่อวันพุธ ว่าได้นำตัวเจ้าหน้าที่การทูตประจำสถานกงสุลในเมืองกว่างโจว "จำนวนหนึ่ง" กลับมาเข้ารับการตรวจร่างกายและรักษาจากแพทย์ในสหรัฐ และในขณะเดียวกันได้ส่งบุคลากรทางการแพทย์อีกชุดหนึ่งเดินทางไปยังเมืองกว่างโจวด้วย
หลังเกิดกรณีเจ้าหน้าที่การทูตชาวอเมริกันคนหนึ่งในเมืองกว่างโจว "มีอาการเจ็บป่วยทางร่างกาย" เป็นระยะ ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว จนถึงเดือนเม.ย. ปีนี้ และเมื่อมีการส่งเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวกลับไปตรวจร่างกายที่สหรัฐ พบว่าเป็นอาการของ "ภยันตรายต่อสมองอย่างอ่อน" ( เอ็มทีบีไอ )ด้านน.ส.หัว ชุนหยิง โฆษกหญิงกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ว่ารัฐบาลปักกิ่ง "ยังไม่ได้รับรายงานอย่างเป็นทางการ" จากสหรัฐ เกี่ยวกับการพบผู้ป่วยรายใหม่ และยืนยันว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจีนกำลังสืบสวนสอบสวน "เรื่องราวอันแปลกประหลาด" เช่นกัน
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือนก.ย. ถึง ต.ค. ปีที่แล้ว เกิดกรณีนักการทูตประจำสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐในกรุงฮาวานาอย่างน้อย 24 คน ล้มป่วยด้วอาการทางการที่ถึงขั้นสูญเสียการทรงตัวและการได้ยิน ซึ่งรัฐบาลวอชิงตันเชื่อว่าเป็นผลจาก "คลื่นเสียงความถี่สูง" หลังจากนั้นสหรัฐเนรเทศเจ้าหน้าที่การทูตชาวคิวบา 15 คน เพื่อตอบโต้ที่รัฐบาลฮาวานาไม่สามารถปกป้องพลเมืองอเมริกันในคิวบาได้ อย่างไรก็ตามกระทรวงการต่างประเทศคิวบาปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด.