รง.เครื่องสำอางทั่ว ปท.ผ่านมาตรฐานแค่194แห่ง-สธ.ลุยตรวจ
สธ.เริ่มลุยตรวจมาตรฐานโรงงานผลิต "เครื่องสำอาง" ทั่วประเทศ ลั่นแล้วเสร็จใน ส.ค.นี้ มั่นใจช่วยลดการผลิตเครื่องสำอางปลอม เหตุจดแจ้งออนไลน์ต้องยื่นโรงงานผลิตที่ได้มาตรฐาน อย.เท่านั้น ตรวจสอบมาตรฐานซ้ำทุก 3 ปี หากทำผิดสั่งปิดโรงงานทันที อึ้ง!! ก่อนมีกฎหมาย โรงงานยื่นขอมาตรฐานเพียง 194 ราย
เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 2561 นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ รองปลัด สธ. นพ.วันชัย สัตยาวุฒิพงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และ นพ.ณรงค์ ตั้งตรงไพโรจน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) ปทุมธานี เดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานผลิตเครื่องสำอาง บริษัท ปฐวิน จำกัด อ.สามโคก จ.ปทุมธานี เพื่อดำเนินการตรวจสอบและขึ้นทะเบียนสถานที่ผลิตเครื่องสำอางที่ได้มาตรฐาน ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการผลิตเครื่องสำอาง พ.ศ.2561 ซึ่ง นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงนามเมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2561 ภายใต้ พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ.2561
นพ.เจษฎา กล่าวว่า จากการลงตรวจสอบพบว่า เป็นโรงงานผลิตเครื่องสำอางที่ได้มาตรฐาน มีการผลิตมายาวนานกว่า 28 ปี สำหรับการตรวจสอบมาตรฐานสถานที่ผลิตเครื่องสำอางทั่วประเทศ เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคนั้น หากเป็นบริษัทรายใหม่ อย.และ สสจ.ทั่วประเทศ จะเร่งดำเนินการตรวจสอบมาตรฐานให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน ส่วนบริษัทรายเก่าจะดำเนินการตรวจสอบเพื่อขึ้นทะเบียนทั้งหมดให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน หรือภายใน ส.ค.นี้ ซึ่งขอเตือนโรงงานผลิตเครื่องสำอางทุกรายให้ปฏิบัติตามให้ถูกต้องตามกฎหมาย ผลิตตามมาตรฐาน เพราะกฎหมายฉบับใหม่มีโทษสูงคือ จำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท
นพ.วันชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมาการขึ้นทะเบียนโรงงานผลิตเครื่องสำอางว่าได้มาตรฐานหรือไม่ จะเป็นแบบสมัครใจ เพราะยังไม่มีกฎหมายกำหนด ทำให้มีโรงงานเพียงแค่ 194 รายที่ยื่นตรวจสอบมาตรฐานและได้มาตรฐาน GMP ส่วน จ.ปทุมธานีมีผู้ยื่นตรวจสอบและได้มาตรฐาน 21 ราย จากทั้งหมด 1,619 แห่งเท่านั้น ประกอบกับการให้ขึ้นทะเบียนผ่านระบบออนไลน์หรือ E-Submission ทำให้ผู้ไม่สุจริตจดแจ้งเครื่องสำอางได้ง่าย และนำไปผลิตเครื่องสำอางปลอมหรือใส่สารอันตราย ซึ่ง อย.ได้ปรับแก้ไขแล้ว โดยการออกประกาศวิธีการผลิตเครื่องสำอาง โดยการยื่นจดแจ้งเครื่องสำอางผ่านระบบออนไลน์จะต้องระบุสถานที่ผลิตที่ผ่นเกณฑ์มาตรฐานและอยู่ในระบบของ อย.แล้วเท่านั้น จึงต้องเร่งตรวจสอบาตรฐานโรงงานผลิตเครื่องสำอางทั่วประเทศ ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 2561 เป็นต้นไป ทั้งนี้ เชื่อว่าภายหลัง ส.ค.2561 สถานการณ์เครื่องสำอางปลอมน่าจะดีขึ้น เพราะผู้ประกอบการที่ดีเองก็ทำอย่างถูกต้อง ซึ่งอาจจะเหลือแค่พวกที่ไม่สุจริตที่ตั้งใจทำผลิตภัณฑ์ปลอมตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ตรงนี้ต้องประสานกับทางตำรวจในการตรวจสอบและเอาผิด
"การตรวจสอบมาตรฐานโรงงานผลิตเครื่องสำอางถือเป็นเรื่องที่ดี และผู้ประกอบการที่ทำถูกต้องก็มองว่าได้ประโยชน์ เพราะเป็นการช่วยคัดคนที่ทำแบบไม่สุจริตออกไป โดยโรงงานขนาดใหญ่จะใช้มาตรฐาน GMP มีการตรวจสอบทั้งหมด 10 หมวด ส่วนกลุ่มพื้นบ้านหรือโอท็อปจะใช้มาตรฐาน Primary GMP โดยมาตรฐานจะมีอายุ 2 ปี แต่ปี 2562 เป็นต้นไป จะขยายเป็น 3 ปี ทั้งนี้ หากตรวจสอบพบว่ามีการแอบใส่สารอันตรายลงไป อย่างพวกสารที่ทำให้ขาว เช่น สารปรอท ไฮโดรควิโนน วิตามินเอแอซิด เป็นต้น ก็จะสั่งปิดโรงงานทันที เหมือนกับโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เช่น กรณี "ลีน" ที่แม้โรงงานจะผ่านมาตรฐาน GMP แต่เมื่อตรวจสอบพบก็สั่งปิดโรงงานเช่นกัน และยิ่งหากพบว่าผลิตภัณฑ์ไปทำให้ประชาชนตับไตพิการ ก็จะเอาโทษคุกด้วย" นพ.วัยชัย กล่าวและว่า สำหรับการตรวจสอบขึ้นทะเบียนมาตรฐานโรงงานผลิตเครื่องสำอางนั้น เนื่องจากอยู่ในช่วงเริ่มต้นตรวจสอบ จึงยังไม่สามารถบอกได้ว่ามีกี่แห่งที่ได้ขึ้นทะเบียนแล้ว แต่ อย.จะรายงานผลให้ทราบเป็นระยะ และหลังจากตรวจสอบเสร็จจะมีการทำเป็นคลังข้อมูลเพื่อให้ประชาชนตรวจสอบได้ว่า เครื่องสำอางผลิตจากโรงงานที่ได้มาตรฐานหรือไม่
นพ.วันชัย กล่าวว่า การจับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางผิดกฎหมายในปี 2560 สามารถจับกุมได้หลายร้อยรายการ ส่วนค่าปรับที่ได้จากผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมายทั้งหมดในปี 2560 มีมากถึง 70 ล้านบาท มากที่สุดคือกลุ่มเครื่องสำอาง รองลงมาคือกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่มีการหลอกขายกันมาก สำหรับมาตรฐานโรงงานผลิตอาหารนั้น เนื่องจากมีกฎหมายควบคุมตรงนี้มานาน ส่งผลให้ต้องมีการตรวสอบมาตรฐานโรงงานผลิตก่อน ซึ่งปัจจุบันมีโรงงานผลิตอาหารที่ผ่านมาตรฐานทั้งสิ้น 51,744 แห่ง
ที่มา : https://mgronline.com/qol/detail/9610000055155

