คณะมนตรีความมั่นคงเตรียมลงมติร่างคุ้มครองปาเลสไตน์ แม้สหรัฐประกาศวีโต
คูเวตเป็นตัวแทนประเทศอาหรับ เสนอร่างมติเรียกร้องมาตรการคุ้มครองชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา และเวสต์แบงค์ และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ มีกำหนดจัดลงมติในเวลา 15.00 น. ตามเวลาที่นิวยอร์ก หรือ 02.00 น. วันเสาร์ตามเวลาประเทศไทย
นิคกี ฮัลลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ ประกาศทันทีว่า สหรัฐในฐานะสมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคงฯ จะใช้สิทธิยับยั้ง หรือ วีโต้ อย่างแน่นอน โดยเธออ้างว่าร่างมติของคูเวตเอียงข้าง บกพร่องด้านศีลธรรม และมีแต่จะบั่นทอนความพยายามสร้างสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์
สหรัฐเสนอร่างมติของตนเองเช่นกัน โดยโทษกลุ่มฮามาส จุดชนวนตึงเครียดในกาซา และเรียกร้องให้ฮามาสกับอิสลามิก ญิฮัด ยุติกิจกรรมรุนแรงและการกระทำยั่วยุทั้งหมด รวมถึงกิจกรรมใกล้แนวรั้วกั้นกาซากับอิสราเอล
แต่ต่อมา คูเวตปรับเนื้อหาในร่างเพื่อให้ได้เสียงสนับสนุนจากประเทศยุโรป เป็นการเรียกร้องให้พิจารณามาตรการรับประกันความปลอดภัย และปกป้องพลเรือนปาเลสไตน์ และร้องขอให้นายอันโตนีอู กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ จัดทำรายงานความเป็นไปได้ที่จะตั้งกลไกระหว่างประเทศเพื่อคุ้มครองชาวปาเลสไตน์ ภายใน 60 วัน
กระนั้น ฮาลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำยูเอ็น กล่าวว่า ร่างมติของคูเวต เรียกร้องแต่ให้อิสราเอลยุติการป้องกันตนเอง แต่ไม่ได้เอ่ยถึงความก้าวร้าวของฮามาสต่อกองกำลังความมั่นคงและพลเรือนอิสราเอล สหรัฐจะวีโต้ร่างมติของคูเวตอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งก็จะเป็นครั้งที่สองที่ฮาลีย์ใช้สิทธิยับยั้งขวางยูเอ็นไม่ให้มีมาตรการใดๆต่อความขัดแย้งอิสราเอล-ปาเลสไตน์ หลังจากเมื่อเดือนธันวาคม สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคง 14 ชาติ ผ่านมติคัดค้านการตัดสินใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ย้ายสถานทูตสหรัฐจากเทลอาวีฟไปเยรูซาเล็ม สหรัฐก็ใช้สิทธิวีโต
คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นอยู่ในทางตันมานานหลายสัปดาห์ ไม่สามารถหาฉันทามติต่อความขัดแย้งนองเลือดรอบใหม่ระหว่างปาเลสไตน์กับอิสราเอลได้
ขณะนิโคไลย์ มลาเดนอฟ ทูตสหประชาชาติด้านตะวันออกกกลาง เตือนเมื่อสุดสัปดาห์ว่ากาซาเฉียดใกล้สงครามเต็มที สองฝ่ายเพิ่งยิงถล่มตอบโต้กันอย่างหนักเมื่อวันอังคารล่วงถึงเช้าวันพุธ เป็นการตอบโต้กันหนักหน่วงสุดนับจากสงครามกาซาในปี 2557
หากคณะมนตรีความมั่นคงไม่ผ่านมติ ปาเลสไตน์อาจจะหันไปหาเสียงสนับสนุนจากสมัชชาใหญ่ยูเอ็น
ทั้งนี้ ร่างญัตติใดก็ตามจะต้องได้ 9 เสียงจากสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคง และไม่มีการใช้สิทธิยับยั้งจากชาติสมาชิกถาวร ที่ได้แก่ อังกฤษ จีน ฝรั่งเศส รัสเซียและสหรัฐ