"นิพิฏฐ์"ชี้พ.ร.บ.สงฆ์เปิดช่องไม่ต้องสึกแม้โดนจับบี้ถามตร.จับสึกทำไม .
“นิพิฏฐ์”จี้ตร.ตอบคำถามทำไมต้องจับสึก-ไม่ให้พระขอประกันกันตัว เหตุพ.ร.บ.สงฆ์เปิดช่องพระไม่ต้องสละสมณเพศแม้โดนจับ
เมื่อวันที่ 27 พ.ค. นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า การให้พระภิกษุสละสมณเพศกับยุทธวิธีของตำรวจนั้น เวลาพระภิกษุต้องคดี หากพระภิกษุไม่ได้ประกันตัว ต้องให้พระภิกษุสละสมณเพศหรือสึกเสียก่อน กล่าวคือจะนำพระภิกษุไปขังในขณะครองผ้ากาสาวภัตร์ไม่ได้ เพราะผ้ากาสาวพัตร์ถือว่าเป็นของสูง ปัญหาว่ามีความจำเป็นแค่ไหนที่ต้องจับสึก ก็ต้องตอบว่าอยู่ที่ดุลยพินิจของตำรวจ ถ้าตำรวจต้องการให้สึกตำรวจก็ไม่ให้ประกันตัว แต่ถ้าไม่ต้องการให้สึก ตำรวจก็ต้องขอให้เจ้าอาวาสที่พระภิกษุนั้นสังกัดอยู่รับตัวพระภิกษุนั้นไปควบคุมไว้ พระภิกษุนั้นก็ไม่ต้องสละสมณเพศ หรือไม่ต้องสึก (พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 มาตรา 29) กรณีที่เกิดขึ้นกับพระภิกษุที่เป็นข่าวใหญ่โตขณะนี้ จึงสรุปได้ว่าเป็นดุลยพินิจของตำรวจที่จะจับสึก
“ผมก็ไม่ว่าอะไรล่ะครับตำรวจไทยมีดุลยพินิจที่ถูกต้องสวยงามเป็นที่ยอมรับของประชาชนเสมอ เพียงแต่พระภิกษุบางรูปท่านบวชมาตั้งแต่อายุ 20 ปี ตั้งใจจะมรณภาพภายใต้ร่มเงาผ้ากาสาวพัตร์ และตอนนี้ท่านก็อายุมากแล้ว กว่าจะต่อสู้คดีเสร็จก็ใช้เวลานับ 10 ปี ถึงตอนนั้น หากศาลตัดสินให้ท่านชนะคดี เวลาที่จะครองผ้ากาสาวพัตร์ใหม่น่าจะสายไปแล้ว”นายนิพิฏฐ์ กล่าว
นายนิพิฏฐ์ กล่าวอีกว่า เรื่องที่ละเอียดอ่อนและกระทบต่อความรู้สึกของประชาชน ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของตำรวจควรลงมาดูการใช้ดุลยพินิจของผู้ใต้บังคับบัญชา การที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) บอกว่าการจับกระทำถูกต้องตามยุทธวิธีแล้ว แต่ต่อมา นายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีออกมาขอโทษประชาชนในการกระทำที่รุนแรงเกินไป ตกลงจะเอาอย่างไร ตนคิดว่าตำรวจต้องตอบชาวพุทธ 3 เรื่อง คือ 1.ยังยืนยันยุทธวิธีของตำรวจว่าถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ 2.ทำไมต้องจับสึกและไม่ให้ประกันกันตัวตามพ.ร.บ.คณะสงฆ์ มาตรา 29 และ 3.ขอถามว่าถ้าเป็นนักบวชตามศาสนาอื่น ตำรวจจะใช้ยุทธวิธีแบบนี้ด้วยหรือไม่ หรือกล้าใช้ยุทธวิธีแบบนี้เฉพาะกับพระในพระพุทธศาสนา.
ที่มาข่าว: https://www.dailynews.co.th/politics/645856