ชำแหละระเบียบไดโนเสาร์ ห้าม อปท.จัดรถรับส่งนักเรียน
"...รถที่นำมาใช้รับส่งนักเรียนทั่วประเทศไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด มากกว่า 90% เพราะส่วนหนึ่งเป็นรถของชาวบ้านที่มีจิตอาสานำมาวิ่งรับส่งลูกหลานในหมู่บ้านไม่มีกำไรจากการดำเนินกิจการนี้้ หากดำเนินการให้ถูกต้องตามเกณฑ์มาตรฐานของกรมการขนส่งทางบกจะต้องใช้เงินทุนที่มาก ประกอบกับระบบขนส่งสาธารณะที่ไม่ทั่วถึงทำให้ผู้ปกครองและนักเรียนไม่มีทางเลือกในการเดินทาง..."
เมื่อเร็วๆนี้ ที่โรงแรม เดอะ สุโกศล มูลนิธิป้องกันอุบัติภัยแห่งเอเชีย (AIP Foundation) ภายใต้โครงการ Legal Development Program (LDP) พร้อมภาคีเครือข่ายด้านความปลอดภัยทางถนน กว่า 30 ท่าน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก องค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย จัดงานเสวนาเรื่อง “นโยบายการจัดการมาตรฐานและความปลอดภัยสำหรับรถรับส่งนักเรียน” เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนพูดคุยกับเครือข่ายภาคประชาสังคมถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในเรื่องมาตรฐานและความปลอดภัยสำหรับรถรับส่งนักเรียนพร้อมเสนอความคิดเห็น แนวทางในการร่วมมือต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นรูปธรรม
@ เด็กบาดเจ็บ 1 คน/วันจากรถรับส่งนักเรียนไม่ปลอดภัย
นายธัชวุฒิ จาดบัณฑิต นักวิชาการแผนงานรถโดยสารสาธารณะปลอดภัย ศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน กล่าวว่า สถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนนที่เกิดจากรถรับส่งนักเรียนระหว่างปี 2560 จากการเก็บรวบรวมจากข่าว มีจำนวนถึง 30 ครั้ง มีจำนวนนักเรียนเสียชีวิต 7 คน และได้รับบาดเจ็บ 368 ราย มูลค่าที่รัฐเสียหายจากอุบัติเหตุรถรับส่งนักเรียนประมาณ 400 ล้านบาท/ปี ซึ่งมีสาเหตุจากสภาพรถที่ใช้รับส่งนักเรียนที่ไม่พร้อมใช้งาน ผู้ขับขี่ไม่มีความพร้อม และ ขาดหน่วยงานรับผิดชอบหลักที่ในการจัดการความปลอดภัยสำหรับรถรับส่งนักเรียนให้เกิดขึ้้นอย่างเป็นรูปธรรม
@ รากลึกปัญหารถรับส่งนักเรียนไม่ปลอดภัย
นายธัชวุฒิ กล่าวว่า รถที่นำมาใช้รับส่งนักเรียนทั่วประเทศไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด มากกว่า 90% เพราะส่วนหนึ่งเป็นรถของชาวบ้านที่มีจิตอาสานำมาวิ่งรับส่งลูกหลานในหมู่บ้านไม่มีกำไรจากการดำเนินกิจการนี้้ หากดำเนินการให้ถูกต้องตามเกณฑ์มาตรฐานของกรมการขนส่งทางบกจะต้องใช้เงินทุนที่มาก ประกอบกับระบบขนส่งสาธารณะที่ไม่ทั่วถึงทำให้ผู้ปกครองและนักเรียนไม่มีทางเลือกในการเดินทาง ดังนั้น รถที่นำมาใช้รับส่งนักเรียนจึงไม่มีระบบการจัดการให้เกิดความปลอดภัยทั้งตัวรถและผู้ขับขี่ และโรงเรียนยังไม่กล้าที่จะเข้ามาจัดการความปลอดภัยของรถรับส่งนักเรียน เนื่องจากขาดงบประมาณในการจัดการรวมถึงภาระงานด้านอื่นที่มาก และ ยังมองว่าการเดินทางมาโรงเรียนเป็นความรับผิดชอบของผู้ปกครองมากกว่า
นายธัชวุฒิ กล่าวว่า ความสูญเสียจากอุบัติเหตุที่เกิดจากรถรับส่งนักเรียนเป็นปัญหาเชิงระบบที่ต้องการระบบการจัดการเพื่อให้เกิดความปลอดภัย โดยโรงเรียนควรร่วมกับสำนักงานขนส่งจังหวัดและองค์การบริหารส่วนตำบลในการจัดการในการควบคุมให้เกิดมาตรฐานรถรับส่งนักเรียนโดยเป็นมาตรฐานสอดคล้องกับบริบทในสังคมไทยที่ผู้ประกอบการสามารถปฏิบัติตามได้ การจัดการด้านมาตรฐานคนขับรถที่ต้องมีฝึกอบรมให้ความรู้เพื่อให้ผู้ขับขี่ขับรถด้วยความปลอดภัย และควรมีทรัพยากรสนับสนุนในการจัดการให้เกิดมาตรฐานที่รถรับส่ง-นักเรียนและผู้ขับขี่
@ ชี้จุดจัดการควรอยู่ที่โรงเรียน
ขณะที่อาจารย์บุษกร กานต์กำพล จากโรงเรียนกรรณสูตศึกษาลัย จังหวัดสุพรรณบุรี กล่าวถึง จุดเริ่มต้นที่ตนได้เป็นผู้ริเริ่มให้เกิดการจัดการรถรับส่งนักเรียนขณะที่ตนเป็นครูที่โรงเรียนบางปลาม้าเกิดจากการต่อยอดนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการในเรื่องการทะเลาะวิวาทของนักเรียนและการป้องกันยาเสพติด โดยครูได้มีการสร้างเครือข่ายรถสองแถวที่รับส่งนักเรียนหน้าโรงเรียน,ซึ่งขณะนั้นมีอยู่ประมาณ 60 คัน ให้ช่วยแจ้งเบาะแสเด็กนักเรียนที่มีการมั่วสุมกันหลังเลิกเรียน ประกอบการการเยี่ยมบ้านของอาจารย์ทำให้ทราบถึงปัญหาและความไม่ปลอดภัยจากการเดินทางของนักเรียน จึงได้ปรึกษากับผู้บริหารในการดำเนินการให้โรงเรียนพัฒนาระบบการจัดการรถรับส่งนักเรียนที่ปลอดภัยขึ้้นอย่างเป็นรูปธรรม และได้รับการสนับสนุนจากทางโรงเรียนเป็นอย่างดี การสร้างระบบการจัดการรถรับส่งนักเรียนได้รับความร่วมมือจากสำนักงานขนส่งจังหวัดในการมาตรวจสภาพรถและอบรมผู้ขับขี่ รวมถึง ก่อนที่ผู้ประกอบการรถรับส่งนักเรียนจะไปขออนุญาตจากสำนักงานขนส่งจังหวัดจะต้องได้รับการรับรองจากทางโรงเรียนก่อนว่าเป็นรถที่ทางโรงเรียนอนุญาตให้มาวิ่งรับส่งนักเรียนของโรงเรียนได้ และหากผู้ขับขี่หรือผู้ประกอบการไม่ปฏิบัติตามกฎที่ทางโรงเรียนและชมรมตั้งไว้ ผู้ขับขี่หรือผู้ประกอบการนั้นก็จะถูกห้ามไม่ให้มาวิ่งรับส่งนักเรียนอีก ทางโรงเรียนจะเป็นส่วนที่คอยดูแลคุ้มครองและปกป้องสิทธิประโยชน์ของนักเรียนในการเดินทางมาโรงเรียนให้ปลอดภัยและสร้างความเท่าเทียมของผู้ขับขี่ในชมรม
อาจารย์บุษกร กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนได้รับการสนับสนุนจากผู้บริหารโรงเรียนและมีคณะทำงานครูช่วยในการผลักดันให้เกิดการขับเคลื่อนงานจนเกิดเป็นชมรมของผู้ขับรถรับส่งนักเรียน ชมรมนี้ทำงานแบบจิตอาสาเพราะนอกจากคอยรับส่งนักเรียนที่เป็นลูกหลานในหมู่บ้านด้วยการเก็บค่ารถที่สมเหตุสมผลแล้วยังคอยช่วยดูแลความปลอดภัยของนักเรียนในด้านอื่นๆ ด้วย แต่คิดว่าการขับเคลื่อนงานของตนยังไม่สามารถทำให้เกิดความยั่งยืนได้ เพราะเมื่อตนย้ายโรงเรียนไปสอนที่โรงเรียนอื่น ผู้บริหารโรงเรียนไม่ให้ความสำคัญของการจัดการรถรับส่งนักเรียนที่ปลอดภัยมากนัก ทำให้ครูไม่สามารถที่จะขยายผลไปโรงเรียนใหม่ได้ จึงเป็นที่น่าเสียดายที่นักเรียนไม่มีโอกาสที่จะได้รับการเดินทางที่ปลอดภัย
อาจารย์บุษกร ยังแนะกระทรวงศึกษาธิการต้องมีนโยบายชัดเจนให้โรงเรียนดำเนินการดูแลให้นักเรียนเดินทางมาโรงเรียนและกลับบ้านอย่างปลอดภัย พร้อมหนุนให้โรงเรียนต้องมีระบบการจัดการรถรับส่งนักเรียนเพื่อความปลอดภัยต่อสวัสดิภาพของนักเรียนในการเดินทางมาโรงเรียน
@ ยกเคส การศึกษาต่างประเทศให้ความสำคัญกับการเดินทางมารร.ของเด็ก
อาจารย์ธนะชาติ ปาลิยะเวทย์ อาจารย์พิเศษ ภาควิชากฎหมาย คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร และสมาชิกโครงการ Legal Development Program กล่าวว่า การจัดให้มีรถรับ-ส่งนักเรียนมีความเชื่อมโยงกับการจัดการศึกษา สิทธิของเด็ก ภาระของพ่อแม่ผู้ปกครอง หน้าที่ความรับผิดชอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งด้านการศึกษา การคมนาคมขนส่ง การปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเฉพาะปัญหาความไม่ปลอดภัยของรถและผู้ขับขี่
ดังปรากฎในข้อมูลขององค์การอนามัยโลกที่ระบุว่าในทุก ๆ วันมีเด็กมากกว่า 500 คนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน เด็กในวัยศึกษาภาคบังคับจำนวนมากเสียชีวิตระหว่างเดินทางไป-กลับโรงเรียน
และจากสถิติข้อมูลของประเทศต่างๆ ในทวีปยุโรปแสดงให้เห็นว่า เด็กที่เดินทางด้วยรถยนต์เพื่อไป-กลับโรงเรียนเสี่ยงที่จะประสบอุบัติเหตุมากกว่าเด็กที่เดินทางด้วยรถรับ-ส่งนักเรียนและรถโดยสารสาธารณะถึง 7 เท่า
นอกจากนี้ The American School Bus Council ระบุว่าการที่เด็กนักเรียนขี่จักรยาน โดยสารพาหนะของตนเองไป-กลับโรงเรียนอันตรายกว่าเด็กนักเรียนที่โดยสารรถรับ-ส่งนักเรียนถึง 50 เท่า
ตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ข้อ 3 และข้อ28 e นั้น ภาครัฐมีหน้าที่ “รับผิดชอบต่อการดูแลหรือการคุ้มครองเด็กเป็นไปตามมาตรฐานด้านความปลอดภัย ฯลฯ และในการได้รับการศึกษาบนพื้นฐานของโอกาสที่เท่าเทียมกัน โดยภาครัฐดำเนินมาตรการเพื่อสนับสนุนการเข้าเรียนอย่างสม่ำเสมอ และลดอัตราการออกจากโรงเรียนกลางคัน” ซึ่งประเทศไทยผูกพันต้องปฏิบัติตามเช่นกัน
การจัดให้มีรถรับ-ส่งนักเรียนอันเป็นการสนับสนุนการเข้าเรียนอย่างสม่ำเสมอหรืออำนวยความสะดวกให้กับนักเรียนในการเข้ารับการศึกษานั้นถูกหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องในประเทศไทยตีความว่า อยู่นอกเหนือจากขอบเขตภารกิจในการจัดการศึกษาประเทศสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย แคนาดา นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ ได้จัดตั้งระบบขนส่งนักเรียนไปโรงเรียนให้เกิดความปลอดภัย ตั้งแต่การออกแบบ โครงสร้างไปจนถึงโครงการบำรุงรักษาที่เป็นระบบระบบกฎเกณฑ์ที่ใช้บังคับกับรถรับ-ส่งนักเรียน ผู้ขับขี่ การให้เงินทุนสนับสนุนที่ยั่งยืนเพื่อขับเคลื่อนระบบ การบังคับใช้กฎหมายจราจรและกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มงวด การส่งเสริมและประสานงานของหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อส่งเสริมให้การขนส่งนักเรียนไปโรงเรียนปลอดภัยมากขึ้นและมีทางเลือกหลายรูปแบบในการเดินทาง
นอกจากนี้ ในประเทศจีนยังมีการกำหนดกฎเกณฑ์การจัดการความปลอดภัยของรถรับ-ส่งนักเรียนโดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรับผิดชอบหลักด้านความปลอดภัยในการขนส่งเด็กนักเรียนไปโรงเรียน หน่วยงานตำรวจในพื้นที่มีหน้าที่ตรวจตราพาหนะ ทะเบียนผู้ขับขี่ และป้องกันการใช้รถที่ผิดกฎหมาย ส่วนหน่วยงานอื่นทำหน้าที่กำกับดูแลและช่วยเหลือ โรงเรียนรับผิดชอบการดำเนินการที่เป็นกิจวัตร
อาจารย์ธนะชาติ สรุปว่า ภารกิจประการหนึ่งของการจัดการศึกษาคือ การจัดให้มีรถรับ-ส่งนักเรียนที่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้นในส่วนของรถและผู้ขับขี่ พร้อมกับการใช้มาตรการความปลอดภัยต่างๆ ไปพร้อมๆ กันเป็นการคุ้มครองสิทธิเด็ก ที่สำคัญคือทำให้เด็กในวัยเรียนเข้าถึงการศึกษาอย่างสม่ำเสมอ
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในเรื่องนี้ ซึ่งสามารถใช้กลไกด้านคมนาคมขนส่ง การจราจร งบประมาณและการเงิน รวมถึงสิทธิพิเศษทางภาษี การสนับสนุนทางการเงินจากภาคเอกชนมาบริหารจัดการร่วมกับโรงเรียนกระทรวงศึกษาธิการ กรมการขนส่งทางบก
@ กฎ/ระเบียบที่ไม่เอื้อ
นายพิสิษฐ์ วงศ์เธียรธนา นิติกรชำนาญการพิเศษ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และสมาชิกโครงการ Legal Development Program กล่าวว่า การดำเนินการเพื่อสนับสนุนกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งของภาครัฐจะต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย หรือ ระเบียบที่ให้อำนาจหน่วยงานดำเนินการได้ ในกรณีรถรับส่งนักเรียนนั้นกฎหมายได้ให้อำนาจหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไว้ดังนี้
(1) ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงินและการตรวจเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2547 (หมวด 7 เรื่องข้อกำหนดในการจ่ายเงิน ส่วนที่ 1 ข้อ 67) “ข้อ 67 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะจ่ายเงินหรือก่อหนี้ผูกพันได้แต่เฉพาะที่กฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ หรือหนังสือสั่งการที่กระทรวงมหาดไทยกำหนดไว้ ” ซึ่งการจัดซื้อรถนักเรียนไม่มีกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ หนังสือสั่งการกำหนดไว้
(2) ระเบียบกระทรวงศึกษาว่าด้วยการควบคุมดูแลการใช้รถโรงเรียน พ.ศ. 2536 – เป็นเพียงการกำหนดหน้าที่ของผู้ดำเนินกิจการโรงเรียน - ควบคุมความปลอดภัยในการรับส่งนักเรียน แต่ไม่ได้กำหนดเกี่ยวกับการบริหารจัดการการเดินทาง
(3) ระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยการขออนุญาตและการอนุญาตให้ใช้รถในการรับส่งนักเรียนพ.ศ. 2559 – การกำหนดด้านความปลอดภัย การตรวจสภาพรถ แต่ไม่มีการบริหารจัดการการเดินทาง เช่น การจัดซื้อรถนักเรียน เปลี่ยนป้าย เปลี่ยนไฟกระพริบ มีที่ปิดกระบะท้าย ให้โรงเรียนเป็นคนเซ็นใบอนุญาตรับรอง
นอกจากนี้ กรมการขนส่งทางบกยังได้กำหนดมาตรฐานรถรับส่งนักเรียนที่โรงเรียนหรือชุมชนในต่างจังหวัดทุรกันดารไม่สามารถดำเนินการได้เนื่องจากต้นทุนในการจัดทำมาตรฐานที่สูงกว่ารายได้ที่ได้จากการดำเนินการรับส่งนักเรียน
จะเห็นได้ว่ากฎหมายในปัจจุบันยังมีข้อจำกัดที่ไม่อนุญาตให้หน่วยงานดำเนินการเพื่อทำให้เกิดมาตรฐานและการจัดการรถรับส่งนักเรียนที่ปลอดภัยได้
@ ภาคประชาสังคม ยื่น 4 ข้อเรียกร้อง
นางสาวอรทัย จุลสุวรรณรักษ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย มูลนิธิป้องกันอุบัติภัยแห่งเอเชีย กล่าวว่า ทางเครือข่ายได้เสนอข้อเรียกร้องของเครือข่ายประชาสังคมต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้จัดการมาตรฐานและความปลอดภัยสำหรับรถรับส่งนักเรียนอย่างเป็นรูปธรรมจำนวน4 ข้อ ดังนี้
(1) ให้จัดตั้งคณะทำงานร่วม 3 ฝ่าย (ศธ., คค., มท.) เพื่อศึกษาและกำหนดแนวทางในการจัดการรถรับ-ส่งนักเรียนให้ปลอดภัยและได้มาตรฐานและรูปธรรม
(2) ให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นเจ้าภาพในการกำหนดระเบียบในการจัดการรถรับ-ส่งนักเรียนที่ปลอดภัย
(3) ให้กรมการขนส่งทางบกอบรมให้คนขับรถและกำกับดูแลมาตรฐาน โดยการออกระเบียบ/ข้อบังคับเฉพาะกิจเพื่อควบคุมดูแลมาตรฐานรถรับ-ส่งนักเรียนที่ดำเนินการโดยประชาสังคม
และ (4) ให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นแก้ ไขระเบียบฯให้สามารถสนับสนุนงบประมาณให้โรงเรียนดำเนินการจัดการให้มีรถรับส่งนักเรียน ที่ได้มาตรฐานและปลอดภัย