น้ำมันเถื่อนทะลัก ฉลองราคาพุ่งไม่หยุด หาดใหญ่ขายเย้ยตำตา
ศุลกากรเบตงเต้นคุมเข้มน้ำมันเถื่อนจากเพื่อนบ้านทะลัก หลังน้ำมันในไทยราคากระฉูดไม่หยุด ขู่ใครเติมจะยึดรถ ส่วนที่หาดใหญ่น้ำมันเถื่อนยังขายเย้ยอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่พ่อค้าร้องจ๊ากแก๊สหุงต้มขึ้นราคา ระบุหลังสงกรานต์ปรับขึ้นมาแล้ว 7 หน “หมอระวี” ให้เวลา 2 เดือนแก้ปัญหา ฮึ่มราคาไม่ลดต้องปลด รมต.
ประเด็นการปรับขึ้นราคาของน้ำมันทุกชนิดรวมทั้งแก๊สหุงต้ม ได้สร้างความวิตกกังวลให้กับหลายฝ่าย อาทิ ที่ด่านตรวจศุลกากรเบตง อ.เบตง จ.ยะลา เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม เจ้าหน้าที่ศุลกากรเบตงได้คุมเข้มตรวจรถยนต์ประเภทต่างๆ ของไทยที่ได้เข้าไปเติมน้ำมันในประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่องหลังจากราคาน้ำมันดีเซลและเบนซินได้มีการประกาศปรับราคาสูงขึ้นส่งผลให้ราคาน้ำมันดีเซลใน อ.เบตง ขณะนี้อยู่ที่ลิตรละ 30.63 บาท น้ำมันเบนซิน 95 ลิตรละ 31.39 บาทน้ำมันเบนซิน 91 ลิตรละ 38.50 บาท
การปรับเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดีเซลและเบนซินในขณะนี้ทำให้ด่านศุลกากรทุกแห่งที่ตั้งอยู่ตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย ต้องเพิ่มความเข้มมากยิ่งขึ้น ในการสกัดกั้นกองทัพมดที่ลักลอบนำน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉพาะน้ำมันดีเซลเข้ามาจำหน่ายในประเทศ
ทั้งนี้ เนื่องจากราคาน้ำมันดีเซลในประเทศเพื่อนบ้านในขณะนี้อยู่ที่ราคาลิตรละ 17 บาทส่วนเบนซิล 91 และ 95 อยู่ที่ลิตรละ 18 บาทเท่านั้น โดยที่ด่านศุลกากรเบตง เจ้าหน้าที่ได้ตรวจเข้มรถทุกคันที่เดินทางเข้า-ออก ทางด่านพรมแดน เพื่อ ป้องกันการลักลอบทั้งการบรรจุแกลลอนบรรจุถุงพลาสติกหรือการเวียนเทียนเข้าไปเติมน้ำมันซึ่งหากพบก็จะถูกตรวจยึดทันที
นอกจากนั้น ยังได้มีการประชาสัมพันธ์กับชาวบ้านในพื้นที่ พร้อมติดประกาศเตือนผู้ที่เดินทางทั้งขาเข้าและขาออกให้ทราบว่าหากซื้อหรือเติมน้ำมันจากต่างประเทศโดยหนีภาษีมีโทษปรับเป็นเงิน 4 เท่าของราคารวมอากรหรือจำคุกไม่เกิน 10 ปีหรือทั้งจำทั้งปรับ และรถยนต์ที่เติมหรือซื้อน้ำมันเข้ามาอาจจะถูกยึดตามกฎหมายศุลกากร
อย่างไรก็ตาม แม้จะเจ้าหน้าที่จะเข้มงวดแล้วแต่ก็ยังคงมีความพยายามลักลอบนำเข้า จึงมีการตรวจยึดน้ำมันเถื่อนได้อย่างต่อเนื่องทุกด่านชายแดนไทย-มาเลเซีย ในขณะที่ทางประเทศมาเลเซียเอง ก็อนุญาตให้รถที่เข้าไปจากประเทศไทยเติมน้ำมันตามแนวชายแดนได้คันละไม่เกิน 300 บาท เพราะมาเลเซียก็มีการชดเชยภาษีน้ำมันให้กับประชาชน เพื่อไม่ให้ประชาชนในประเทศได้รับความเดือดร้อนจากการปรับราคาน้ำมันในตลาดโลกเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น้ำมันเถื่อนที่ยังมีวางขายริมถนนบางจุดในพื้นที่อำเภอสะเดา จ.สงขลา เนื่องจากราคาน้ำมันมีราคาที่สูงขึ้น ผู้สื่อข่าวได้ตระเวนตรวจสอบ พบว่าที่บ้านบางศาลา ต.ทุ่งลาน อ.คลองหอยโข่ง มีการเปิดปั้มหลอดที่มีหัวจ่างตั้งแต่ 3 หัวจ่ายถึง 4 หัวจ่าย เปิดขายริมถนนอยู่ระหว่างบ้านท่าหรั่ง – บ้านบางศาลา อ.คลองหอยโข่ง ส่วนในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ โดยเฉพาะที่บ้านพรุ ถนนเลี่ยงเมืองจากกองบิน 56 ผ่านบ้านท่าหรั่ง – บ้านบางศาลา จนถึงบ้านพรุ พบว่ามีการนำน้ำมันเถื่อนบรรจุขวด และแกลลอนขนาด 10 ลิตร ถึง 20 ลิตร มาวางขายริมถนน ซึ่งน้ำมันเถื่อนที่วางขายที่บ้านพรุ เป็นเขตรับผิดชอบของ สภ.ทุ่งลุง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งยังเปิดขายน้ำมันเถื่อน
โดยราคาน้ำมันเถื่อนเบนซิน 97 ขายลิตรละ 25 บาท และน้ำมันดีเซล อยู่ที่ลิตรละ 22 บาท เท่านั้น ส่วนน้ำมันที่เสียภาษีถูกต้อง น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ลิตรละ 30 บาทเศษ และน้ำมันดีเซล อยู่ลิตรละ 30 บาทเศษ
ด้านผู้ประกอบการเรือขนส่งสินค้าข้ามแม่น้ำโขง ที่ จ.หนองคาย ทำการเดินเรือขนส่งสินค้าจากท่าเรือหายโศก เทศบาลเมืองหนองคาย ไปยัง ท่าเรือท่าเดื่อ นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ยังคงมีการขนส่งสินค้าตามปกติ
นายเฉลียว วงศ์ชานนท์ ผู้ควบคุมเรือ บอกว่า มีเรือไว้ให้บริการ 3 ลำ เดิมจะเติมน้ำมัน 500 บาท ใส่เรือ 2 ลำ เดินเรือลำละ 3 เที่ยว ในหนึ่งวันจะเดินเรือได้ 6 เที่ยว แต่เมื่อมีการปรับราคาน้ำมันขึ้น ตอนนี้เติมน้ำมันราคาเดิม แต่ต้องลดเที่ยวเดินเรือลง เหลือวันละ 5 เที่ยว และต้องรอให้สินค้าเต็มเรือค่อยออกเดินเรือเพื่อลดต้นทุน แต่ยังคงเก็บค่าบริการขนส่งสินค้าเท่าเดิม คือเที่ยวละประมาณ 500-1,000 บาท ส่วนผู้โดยสารเก็บคนละ 40 บาท หากราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นต่อเนื่องก็ต้องพิจารณาอีกครั้งว่าจะมีการปรับขึ้นราคาค่าบริการอีกเท่าใด
ส่วนประเด็นการปรับราคาาก๊าชหุงต้มใหม่ที่มีการปรับขึ้น 1.5บาทต่อกิโลกรัม ส่งผลให้ราคาขายแก๊สLPGถังขนาด4กิโลกรัมปรั[ขึ้นไปขายราคา147บาท ขนาด7กิโลกรัมราคาถังละ223บาท ขนาด 15กิโลกรัมราคาถังละ423บาท และขนาด48กิโลกรัมราคา 1,355บาทต่อถัง โดยคิดเฉลี่ยการปรับราคาในรอบนี้อยู่ที่ 9.8เปอร์เซ็นต์ นางอุบลนัตน์ ศิลตระกูล พาณิชย์จังหวัดชัยนาท เปิดเผยว่า จากราคาก๊าชที่ปรับขึ้นเมื่อเทียบเป็นอัตราส่วนจะเห็นได้ว่ามีต้นทุนเพิ่มขึ้นจากค่าก๊าซประมาณ10สตางค์ จึงขอความร่วมมือจากร้านอาหารตามสั่งต่างๆ ขอให้คงราคาขายในปัจจุบัน30-35บาทเอาไว้ เพื่อไม่ทำให้ผู้บริโภคเดือดร้อน และควรปิดป้ายราคาให้ชัดเจนตามระเบียบของกระทรวงพาณิชย์ เพราะหากร้านใดไม่ปิดป้ายราคาให้ชัดเจน หรือจำหน่ายอาหารเกินราคาที่ปิดประกาศจะมีโทษตาม พรบ.ราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 มาตรา28 ไม่แสดงราคาขาย หรือ ขายเกินราคาที่แสดงไว้ มีโทษปรับไม่เกิน10,000บาท
ส่วนที่ จ.พิษณุโลก ที่ร้านชมบุญการค้า 3 ร้านขายแก๊สหุงต้ม ถ.พระองค์ดำ อ.เมือง จ.พิษณุโลก ได้ติดราคาแก๊สหุงต้มใหม่เพื่อให้ลูกค้าทราบ
นางจิรวดี วงชัย เปิดเผยว่า ตั้งแต่หลังสงกรานต์มา ราคาแก๊สหุงต้นปรับขึ้นมาตลอดรวม 7 ครั้งแล้ว เฉพาะเดือนพฤษภาคม 2561 ปรับขึ้นมาแล้ว 4 ครั้ง วันที่ 1 พ.ค. วันที่ 7 พ.ค. วันที่ 16 พ.ค. และล่าสุดวันที่ 22 พ.ค. ที่ปรับมากที่สุดกก.ละประมาณ 1.60 บาท หรือ เฉลี่ยขึ้นถังละประมาณ 25 บาท ซึ่งที่ผ่านมา ภาครัฐ กระทรวงพลังงาน ไม่เคยแจ้งให้ร้านค้าปลีกทราบเลย ในฐานนะผู้ขาย อยากให้ภาครัฐแจ้งทุกครั้งที่มีการปรับขึ้นราคา
วันเดียวกัน น.พ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ แถลงข่าวถึงราคาพลังงานของไทยได้พุ่งขึ้นสูงมากในขณะนี้ โดย นพ.ระวี กล่าวว่า เมื่อเทียบกับหลายประเทศในอาเซี่ยนหลายคนอ้างว่าเพราะราคาน้ำมันตลาดโลกสูงขึ้น และประเทศไทยเก็บภาษีสูง ทำให้พลังงานแพงนี่เป็นความจริงเพียงครึ่งเดียว ราคาพลังงานของไทยที่สูงขึ้นนี้ ยังมีความเป็นจริงอีกหลายข้อที่แฝงอยู่ ที่รัฐบาลสามารถทำให้ราคาลดลงได้ โดยไม่ต้องไปลดภาษีเข้ารัฐ
“พรรคพลังธรรมใหม่ขอเรียกร้องนายกรัฐมนตรี สั่งการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานแก้ไขปัญหาต่างๆนี้โดยเร็วให้ได้ภายในเวลา 2 เดือน ถ้าพ้น 2 เดือนยังไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ เสนอให้นายกรัฐมนตรีเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานใหม่ เลือกคนที่จะกล้าเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนจริงมาแก้ไขปัญหานี้แทน”นพ.ระวี กล่าว