เปิดคลิปนาที นักธุรกิจหญิงจีน โดนอุ้มเรียกค่าไถ่สุดอุกอาจ ที่สุวรรณภูมิ
เมื่อ 23 พ.ค.2561 เว็บไซต์ The sun และเดลี่เมล ตีข่าวทั่วโลก พร้อมเผยแพร่คลิปวิดีโอนาทีระทึก ที่ได้จากกล้องวงจรปิดบันทึกเหตุการณ์ ขณะน.ส.จินไช่ เชน นักธุรกิจหญิงชาวจีน อายุ 40 ปี โดนกลุ่มคนร้ายแก๊งชาวจีน ร่วมกับกลุ่มคนไทย
รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองนายหนึ่ง (ตม.) ที่คอยอำนวยความสะดวก อุ้มเรียกค่าไถ่กว่า 10 ล้านบาทอย่างอุกอาจ
จากบริเวณภายในท่าอากาศยานแห่งชาติสุวรรณภูมิ ท่ามกลางผู้คนที่พลุกพล่าน เมื่อวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมาข่าวแจ้งว่า นางสาวจินไช่ เชน ได้ถูกคนร้าย 5 คน ประกอบด้วย ชายชาวจีน 4 คน และหญิงไทย 1 คน เดินตามหลัง หลังจากเธอลงจากครื่องบินโดยสาร จากฮ่องกงมายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แสดงให้เห็นชัดเจนว่า นางสาวจินไช่ เชน ซึ่งสวมเสื้อแจ็กเกตแบบมีฮู้ดสีขาว ถูกหญิงคนหนึ่งคล้องแขนเธอไว้แน่น และชายใส่เสื้อดำอีกคนเดินใช้มือดันด้านหลังของเธอ ขณะที่มีชายสวมเสื้อแจ็กเกตสีดำ คอยเป็นต้นทางเดินนำหน้า
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 21 พ.ค. นายกิตติพงศ์ กิตติขจร รอง ผอ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. พล.ต.ต.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ ผบก.ตม.2 พ.ต.อ.อำนาจ โฉมฉาย ผกก.3 บก.ทท.1 พ.ต.อ.วิโรจน์ ตัดโส ผกก.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และผู้แทนจากสถานทูตจีนประจำประเทศไทย ร่วมแถลงข่าวการช่วยเหลือนักธุรกิจหญิงชาวจีนที่ถูกแก๊งชาวจีนร่วมกับคนไทยอุ้มเรียกค่าไถ่กว่า 10 ล้านบาทอย่างอุกอาจ ภายในบริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
คดีนี้สืบเนื่องจาก นายฮาน ยัง ลิม ชายสัญชาติแทนซาเนีย เชื้อสายเกาหลี ซึ่งเป็นสามีของนางสาวจินไช่ เชน ได้เข้าแจ้งต่อตำรวจสภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเมื่อ 18 พ.ค.ว่า ภรรยาของตนถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่ระหว่างเดินทางมาท่องเที่ยวในไทย ตั้งแต่ 6 พ.ค. ซึ่งตนและญาติผู้เสียหายยอมจ่ายค่าไถ่ให้กับแก๊งคนร้ายกลุ่มนี้แล้ว รวม 4 ครั้ง เป็นเงิน 1.9 ล้านหยวน หรือเกือบ 10 ล้านบาท แต่กลุ่มคนร้ายกลับไม่ยอมปล่อยตัวภรรยา แถมยังเรียกค่าไถ่เพิ่มอีก 1 ล้านหยวน (ราว 5 ล้านบาท) ปรึกษากันแล้วว่าหากยอมจ่ายเงินอีก คนร้ายก็คงไม่ปล่อยตัวภรรยา แต่จะกักขังไว้เรียกค่าไถ่ไปเรื่อยๆ สุดท้ายตัดสินใจเข้าแจ้งความเพื่อขอความช่วยเหลือจากตำรวจไทยก่อนที่ต่อมาชุดสืบสวนทราบว่า กลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุ ประกอบด้วย น.ส.วรรษิการ หรือแอนนา เติมธนาภัทร อายุ 42 ปี สัญชาติไทย นายซุน เหวินฉี อายุ 43 ปี สัญชาติจีน เป็นหัวหน้าแก๊ง น.ส.ไค เมยเลิง อายุ 43 ปี สัญชาติจีน นายซอง หมิง อายุ 36 ปี สัญชาติฮ่องกง และนายซุน ดองเหลียง อายุ 44 ปี สัญชาติจีน ร่วมกันจับตัวผู้เสียหายไปจากสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 6 พ.ค. พาไปกักขังไว้ในโรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ กทม. ก่อนพาไปกักขังต่อที่โรงแรมในเขตเมืองพัทยา จ.ชลบุรี จากนั้นย้ายไปกักขังไว้ในบ้านหลังหนึ่งบนเกาะเสม็ด จ.ระยอง ก่อนจะนำผู้เสียหายกลับมาในพื้นที่ กทม. กระทั่งวันที่ 19 พ.ค. เวลาประมาณ 23.00 น. กลุ่มคนร้ายที่ถูกตำรวจกดดันหนัก ยอมปล่อยตัวผู้เสียหายไว้ริมถนนบางนาตราด เขตบางนา ก่อนหลบหนีไป ผู้เสียหายได้ติดต่อญาติและตำรวจเข้าช่วยเหลืออย่างปลอดภัย
จากการสอบสวน น.ส.จินไช่ เชน ผู้เสียหายให้การเบื้องต้นอ้างว่า รู้จักกับนายซุน เหวินฉี หัวหน้าแก๊ง เนื่องจากเคยลงทุนทำธุรกิจร่วมกันในทวีปแอฟริกา แต่บริษัทขาดทุน คาดว่านายซุน เหวินฉี อาจไม่พอใจเลยก่อเหตุลักพาตัวไปเรียกค่าไถ่ดังกล่าว เบื้องต้นตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหาชาวจีน ทั้งหมดเดินทางออกนอกประเทศไทยไปแล้ว ตำรวจได้ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งชาวไทยและชาวจีน รวม 5 คนในข้อหาร่วมกันกรรโชกทรัพย์และกักขังหน่วงเหนี่ยว พร้อมติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดมาดำเนินคดี นอกจากนี้ ยังมีตำรวจตรวจคนเข้าเมืองอีก 1 นาย ที่มีส่วนรู้เห็นและช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่กลุ่มผู้ต้องหาเดินทางเข้า-ออกประเทศ ขณะนี้ได้เรียกตำรวจนายดังกล่าวมาสอบปากคำและแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว ส่วนจะดำเนินการทางวินัยอย่างไร อยู่ระหว่างการสอบสวนจากต้นสังกัดอีกครั้ง