ดีเอสไอ–กรมป่าไม้ บุกจับขบวนการลักลอบตัดไม้-ขุดแร่ จ.แม่ฮ่องสอน
ดีเอสไอ–กรมป่าไม้ สนธิกำลังจับกุมขบวนการลักลอบตัดไม้-ขุดแร่ พื้นที่ป่าสงวนฯ แม่ปาย จ.แม่ฮ่องสอน พบความเสียหายเฉียด 2 ล้านบาท
ด้วยพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชนีนาถที่ได้มีพระราชประสงค์ให้ทุกภาคส่วนดำเนินการอนุรักษ์และป้องกันพื้นที่ป่าต้นน้ำของประเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงมีนโยบายสั่งการให้สำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อมดำเนินการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ
กรมป่าไม้ โดยสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ ๑ สาขาแม่ฮ่องสอน ได้ขอสนธิกำลังเพื่อดำเนินการในการปราบปรามการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ สืบเนื่องจากปรากฏข่าวสารว่า กลุ่ม/ขบวนการมีความเคลื่อนไหวในการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าและลักลอบขุดแร่ฟลูออไรต์ออกจากพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยกระกระทำความผิดดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่ปายฝั่งซ้ายตอนบน ซึ่งเป็นพื้นที่ประกาศลุ่มน้ำชั้น ๑ A
อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้สั่งการให้สำนักคุ้มครองผู้บริโภคและสั่งแวดล้อมเป็นเจ้าภาพและประสานกับศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษภาคเหนือเข้าสนธิกำลังสืบสวนและจับกุมกลุ่มผู้กระทำความผิด โดยในวันนี้ (๓ พ.ค.๒๕๕๕) พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล ผบ.สคส. ได้จัดกำลังชุดปฏิบัติการ นำโดย นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร พสพ.ชำนาญการ(๗) พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม (สคส.) และเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษภาคเหนือเข้าสนธิกำลังกับสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ ๑ ดำเนินการสืบสวนและจับกุมการกระทำผิด ซึ่งนำโดย นายสมชาด มัทธุจัด ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ ๑ ปรากฏผลการตรวจค้นจับกุม จำนวน ๒ แปลง ดังนี้
๑) พื้นที่ถูกบุกรุกในเขต บ.เหมืองแร่ ต.เมืองแปง อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ผลการดำเนินการสามารถตรวจพบการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าสงวนแห่งชาติและแผ้วถางพื้นที่ โดยปรากฏข้อเท็จจริงในการขุดดินเพื่อนำแร่ออกจากพื้นที่ จำนวน ๑๐.๒๕ ไร่ มูลค่าความเสียหายประมาณ ๑.๖ ล้านบาท
๒) พื้นที่ถูกบุกรุกติดแม่น้ำปาย บ.เหมืองแร่ ต.เมืองแปง อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ผลการดำเนินการสามารถตรวจพบการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าและบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน ๔.๒ ไร่ มูลค่าความเสียหายประมาณ ๗๐๐,๐๐๐ บาท
การตรวจสอบพบว่า บริษัทเหมืองแร่มหาลานนา จำกัด โดยนายสมบูรณ์ มัธยมนันท์ รับเป็นผู้จัดการและเป็นผู้ดำเนินการในบุกรุกแผ้วถางและลักลอบขุดแร่ในพื้นที่การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดข้อหา “ร่วมกันบุกรุกแผ้วถาง ยึดถือครอบครอง” ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๐๗ มาตรา ๑๔ และ พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.๒๔๘๔ มาตรา ๕๔
