ชาวสุคิรินฮือต้าน "ผู้เห็นต่าง" ตั้งหมู่บ้านในพื้นที่
ชาวบ้านกว่า 500 คนจาก 3 หมู่บ้านใน ต.สุคิริน อ.สุคิริน จ.นราธิวาส รวมตัวกันคัดค้านนโยบายของแม่ทัพภาคที่ 4 ที่เตรียมขอใช้พื้นที่ 3 หมู่บ้านของ ต.สุคิริน เป็นที่อยู่อาศัยและที่ทำกินให้กับผู้เห็นต่างจากรัฐที่เข้าร่วมโครงการ "พาคนกลับบ้าน"
3 หมู่บ้านที่จะถูกใช้เป็นพื้นที่รองรับผู้เห็นต่างจากรัฐที่เข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้าน คือ หมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 12 หมู่บ้านรักษ์ธรรม และหมู่บ้านลีนานนท์
ล่าสุดชาวบ้านได้รวมตัวกันหลายคนคนเพื่อทำประชาคม และร่างคำแถลงการณ์เตรียมส่งให้ พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 เพราะเกรงว่าการเปิดให้ผู้หลงผิดที่เข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้านเข้าไปอาศัยอยู่และทำกินในพื้นที่แห่งนี้ จะส่งผลกระทบอย่างน้อย 5 ประการ คือ
1.กระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ เพราะเป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำ
2.กระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนทั้ง 3 หมู่บ้าน
3.กระทบต่อการประกอบอาชีพ เนื่องจากมีความหวาดระแวง
4.กระทบต่อสภาพจิตใจของชาวบ้านทั้งในปัจจุบันและอนาคต
และ 5.กระทบต่อธุรกิจการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ของหมู่บ้าน เพราะนักท่องเที่ยวจะไม่กล้าเข้าไปในพื้นที่
ก่อนหน้านี้ กองทัพภาคที่ 4 ได้จัดพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี สร้าง "หมู่บ้านสันติสุข" รองรับผู้เข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้านที่ยังกลับบ้านเกิดหรือภูมิลำเนาเดิมไม่ได้ เพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัย ซึ่งการใช้พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลปัตตานี ไม่มีผลกระทบใดๆ เพราะเป็นพื้นที่ของรัฐ และไม่มีชุมชนอยู่ใกล้เคียง
แต่การใช้พื้นที่รอบๆ 3 หมู่บ้านใน ต.สุคิริน ซึ่งอยู่บนภูเขาสูง และเป็นแหล่งต้นน้ำ มีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ทำให้พี่น้องประชาชนที่นั่นมีความกังวลและรวมตัวกันคัดค้าน โดยเฉพาะผลกระทบกับผืนป่า ซึ่งชาวบ้านแถบนี้เคยได้รับพระราชทานธงอาสาสมัครพิทักษ์ป่าไม้ จาก สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในพระบาทสมเด็จพระปริมนทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 พร้อมปฏิญาณตนปกป้องผืนป่าด้วย
"ทีมข่าวอิศรา" ได้สอบถามเรื่องนี้ไปยัง พล.ต.วิชาญ สุขสง รองแม่ทัพภาคที่ 4 ได้รับคำชี้แจงว่า แม่ทัพมีแนวคิดพาผู้เข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้าน จำนวน 105 คน ไปอาศัยและทำกินในพื้นที่ ต.สุคิริน โดยจะขอใช้พื้นที่จากนิคมสร้างตนเองประมาณ 700 ไร่ ยืนยันว่าคนกลุ่มนี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ความไม่สงบ ไม่ใช่คนร้าย และไม่ใช่กลุ่มคนที่สร้างปัญหา โดยผู้เห็นต่างฯทั้งหมด 105 คน รวม 23 ครอบครัว ในจำนวนนี้มีคนโสด 12 คน
"เมื่อ 30 ปีก่อนมีสถานการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น ทำให้คนกลุ่มนี้มีความหวาดระแวง ก็เลยเข้าไปอยู่ในมาเลเซีย ตอนนี้เขาอายุ 70 ปีแล้ว ไม่ใช่พวกที่ก่อเหตุอยู่ในช่วงนี้ เขาเป็นคนไทย เราต้องดูแลเขา แม่ทัพก็พากลับมาได้ ให้สัญชาติ ให้บัตรประจำตัวประชาชน สาเหตุก็เพราะเขาคือคนไทย เราทำเพื่อมนุษยธรรม เมื่อก่อนกลุ่ม จคม. (โจรจีนคอมมิวนิสต์) เป็นคนมาเลย์ เรายังดูแลเขาได้ แต่นี่เขาเป็นคนไทย เราก็ต้องดูแล" รองแม่ทัพภาคที่ 4 ระบุ
พล.ต.วิชาญ ยังบอกอีกว่า จุดที่ทางกองทัพจะพาคนกลุ่มนี้ไปอยู่อาศัยและทำกิน ตั้งอยู่ใกล้บ้านจุฬาภรณ์พัฒนาที่ 12 โดยห่างจากหมู่บ้านประมาณ 2 กิโลเมตร ไม่ได้เข้าไปอยู่ในหมู่บ้าน ตอนนี้อยู่ระหว่างดำเนินการของบประมาณที่จะสร้างบ้าน 30 หลัง
"เราจะช่วยในเรื่องของวัสดุ และให้เขาสร้างบ้านกันเอง และให้ที่ทำกินประมาณ 5 ไร่ ไม่ได้ยกให้ แต่ว่าให้เขาใช้เป็นที่ทำกินชั่วคราว" พล.ต.วิชาญ ระบุ
สำหรับกลุ่มประชาชนที่ออกมาคัดค้านนั้น รองแม่ทัพภาคที่ 4 มองว่า เป็นกลุ่มที่ยังไม่เข้าใจ แต่เชื่อว่าเมื่ได้ทำความเข้าใจแล้วจะไม่มีปัญหา
"คนกลุ่มนี้เป็นคนแก่ ผู้หญิง และเด็ก ถ้าชาวสุคิรินได้พูดคุยและรู้จัก ก็จะเห็นใจและเข้าใจ ขอยืนยันว่ากลุ่มคนเหล่านี้ไม่ใช่คนร้าย และไม่ใช่กลุ่มคนที่สร้างปัญหา" พล.ต.วิชาญ กล่าว
ประเด็นนี้ยังไม่จบ เพราะในวันพุธที่ 2 พ.ค.61 แม่ทัพภาคที่ 4 จะนัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาข้อสรุป โดยตอนแรกจะประชุมกันในพื้นที่ อ.สุคิริน แต่เมื่อทราบกระแสคัดค้าน ก็ได้ย้ายสถานที่ไปจัดประชุมที่ตัวจังหวัดนราธิวาสแทน
-----------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 แถลงการณ์ของชาวบ้านสุคิริน 3 หมู่บ้าน
2 การประชุมประชาคม
3 พล.ต.วิชาญ สุขสง