ขอบคุณแทนแม่ ประทับใจใช้สิทธิบัตรทองที่ รพ.สุรินทร์ ผ่าตัด รักษาดี
ถอดประสบการณ์ตรงใช้ “บัตรทอง” รักษาแม่ ที่ รพ.สุรินทร์ ระบุ ผลการรักษาเรียบร้อยดี มีมาตรฐานเยี่ยม ไม่ต้องจ่ายค่าผ่าตัด-อุปกรณ์ ห่วงผู้ป่วยประกันสังคมอาจต้องควักเงินเพิ่มอื้อ ย้ำต้องเดินหน้าระบบสุขภาพมาตรฐานเดียว ไม่เห็นด้วยรื้อ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
นางมีนา ดวงราษี ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อสุขภาพชุมชน จ.สุรินทร์ กล่าวถึงประสบการณ์การใช้สิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) ของมารดา ตอนหนึ่งว่า รู้สึกประทับใจ ขอบคุณ และรักระบบบัตรทองเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะจากกรณีการบาดเจ็บของมารดาจนต้องเข้ารับการผ่าตัดใส่อุปกรณ์ทางการแพทย์ แต่กลับไม่ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลแต่อย่างใด
นางมีนา กล่าวว่า เมื่อราวๆ ต้นเดือน เม.ย.2561 ที่ผ่านมา มารดาซึ่งเคยได้รับการผ่าตัดมาแล้วหลายครั้ง เกิดเสียหลักหกล้มจนกระดูกบริเวณหน้าแข้งหัก เห็นได้ชัดว่ามีรอยยุบลงไป ด้วยความกังวลว่าจะเคลื่อนย้ายผู้ป่วยผิดวิธี จึงตัดสินใจโทรขอความช่วยเหลือจากสายด่วนการแพทย์ฉุกเฉิน 1669 จากนั้นประมาณ 40-45 นาที รถกู้ชีพก็มารับตัวมารดาไปส่งยังโรงพยาบาลสุรินทร์
“ด้วยความเร่งรีบเลยลืมนำบัตรประชาชนของคุณแม่ติดตัวไปด้วย แต่เมื่อถึงโรงพยาบาลสุรินทร์ก็ไม่มีปัญหา แค่บอกเลข 13 หลักของมารดาพร้อมกับรายละเอียดเบื้องต้นไป ทางโรงพยาบาลก็สามารถเรียกฐานข้อมูลขึ้นมาได้ ซึ่งตรงนี้ก็อยากขอขอบคุณโรงพยาบาลสุรินทร์ที่วางระบบดี และช่วยอำนวยความสะดวกตั้งแต่แรกเริ่มเข้ารับการรักษา” นางมีนา กล่าว
นางมีนา กล่าวต่อไปว่า มารดาเข้ารับการรักษาพยาบาลในวันที่ 8 เม.ย.ตรงกับวันอาทิตย์ จึงไม่มีแพทย์เฉพาะทาง แต่ทางโรงพยาบาลก็รักษาตามมาตรฐาน เจ้าหน้าที่ได้พามารดาไปเอกซเรย์และให้นอนรอพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยต่อไป ซึ่งที่สุดแล้วแพทย์ลงความเห็นว่าต้องผ่าตัดขาและใส่เหล็กเสริมเข้าไปที่กระดูก และนัดหมายเข้ารับการผ่าตัดในวันพุธ
“แม่เล่าให้ฟังว่าขณะที่คุณหมอเข็นเตียงไปยังห้องผ่าตัด คุณหมอก็บอกว่าเหล็กที่จะใส่ให้ยายนั้นดีมากๆ เลย ผลิตที่ต่างประเทศ มีรู ราคาหลายแสนบาท แต่ยายเป็นคนไข้บัตรทองเลยไม่ต้องเสียเงินซื้อเหล็กนี้” นางมีนา กล่าว
นางมีนา กล่าวว่า เมื่อการรักษาเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย พบว่าเป็นไปตามที่แพทย์ระบุคือไม่ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลและค่าวัสดุอุปกรณ์ของมารดาจริงๆ จะมีก็เพียงค่าห้องแอร์คืนละ 300 บาทเท่านั้น (นอกเหนือสิทธิบัตรทอง) และเมื่อติดตามอาการหลักผ่าตัดจากผลเอกซเรย์ก็พบว่าเรียบร้อยดีทุกอย่าง ตรงนี้ยิ่งยืนยันว่าการรักษาด้วยสิทธิบัตรทองเป็นไปตามมาตรฐานทางการแพทย์จริง
“ในระหว่างแม่รับการรักษาอยู่ ก็มีโอกาสได้พูดคุยกับผู้ป่วยรายหนึ่งระหว่างพักฟื้น เขาเล่าว่ามาจากกรุงเทพฯ เพราะ รพ.รัฐที่ลงทะเบียนไว้ไม่มีคิวผ่าตัด เขาลองไปถามค่ารักษาพยาบาลจากโรงพยาบาลเอกชนแล้วพบว่าอยู่ที่ประมาณ 2.5 แสนบาท จึงตัดสินใจขอย้ายสิทธิประกันสุขภาพกลับมารักษาที่ จ.สุรินทร์ สุดท้ายเขาก็ได้รับการผ่าตัดฟรีๆ และสามารถเดินได้ในวันต่อมา ซึ่งตรงนี้ยืนยันถึงมาตรฐานการรักษาของระบบบัตรทองและโรงพยาบาลได้เป็นอย่างดี” นางมีนา กล่าว
นางมีนา กล่าวอีกว่า ส่วนตัวคิดถึงและรู้สึกเป็นห่วงผู้ป่วยที่ใช้สิทธิประกันสุขภาพอื่นๆ เช่น ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม ซึ่งนอกจากจะต้องจ่ายสมทบทุกๆ เดือนแล้ว อาจต้องจ่ายเงินค่าวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์เพิ่มเติมเอง ดังนั้นจึงควรสร้างระบบสุขภาพมาตรฐานเดียวเพื่อเป็นทางออกของปัญหาความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้น
“ปัจจุบันมีข่าวจะแก้ไขกฎหมายบัตรทอง ส่วนตัวได้พูดคุยกับครอบครัว เพื่อน รวมทั้งคนในชุมชน ซึ่งล้วนแต่เคยมีประสบการณ์ที่ดีกับระบบหลักประกันสุขภาพ โดยทั้งหมดรู้สึกไม่มั่นคง ใจคอไม่ดี เพราะกลัวระบบบัตรทองจะเปลี่ยนแปลงไป” นางมีนา กล่าว