สงกรานต์นี้กำจัดจุดเสี่ยง ปรับบ้านต้อนรับวันผู้สูงอายุ
เราต้องเตรียมพร้อมในเรื่องของผู้สูงอายุมากขึ้น ในเรื่องของดูแลผู้สูงอายุ นอกจากความแข็งแรงทางร่างกายแล้ว ความแข็งแรงทางจิตใจของผู้สูงอายุก็เป็นเรื่องสำคัญ ผู้สูงอายุต้องการกำลังใจ คนยุคใหม่ใส่ใจผู้สูงอายุ
"สวัสดีปีใหม่ไทย" วันที่ 13-15 เมษายน ของปี 2561 กับเทศกาลวันสงกรานต์เทศกาลแห่งความสนุกสนานและรอยยิ้มจากคนรอบข้างและครอบครัว หลายคนคงคิดถึง พ่อ แม่ ญาติผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุที่รอลูกหลานกลับมาเยี่ยม กลับมารดน้ำดำหัว ปะแป้งหอมๆ อีกทั้งในวันที่ 13 เมษายน ของช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ยังเป็นวันผู้สูงอายุอีกด้วย
สำหรับตัวเลขผู้สูงอายุในประเทศไทย นางธนาภรณ์ พรมสุวรรณ อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้ข้อมูลว่า มีถึง 11 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยติดเตียงร้อยละ 1.5 และเป็นผู้ที่ช่วยเหลือตัวเองได้เล็กน้อยประมาณ 2 ล้านคน ขณะที่ผู้สูงอายุ 8 ล้านคนเป็นผู้มีสุขภาพแข็งแรง
และจากการสำรวจทั่วประเทศพบว่า ขณะนี้มีผู้สูงอายุเกิน 100 ปี จำนวน 300 คน และคาดการณ์ว่าในปี 2574 จะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ จะมีผู้สูงอายุมากถึงร้อยละ 28 ของจำนวนประชากร
ตัวเลขเหล่านี้ อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ ยังสะท้อนให้เห็นว่า เราต้องเตรียมพร้อมในเรื่องของผู้สูงอายุมากขึ้น ในเรื่องของดูแลผู้สูงอายุ นอกจากความแข็งแรงทางร่างกายแล้ว ความแข็งแรงทางจิตใจของผู้สูงอายุก็เป็นเรื่องสำคัญ ผู้สูงอายุต้องการกำลังใจ คนยุคใหม่ใส่ใจผู้สูงอายุ
"ฝากวันหยุดยาวช่วงสงกรานต์นี้ อยากให้กลับไปดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน หากอยู่คนล่ะที่กันก็ไปเยี่ยมท่าน อย่างน้อยกลับไปสอนท่านใช่โซเชียลมีเดียจะได้ติดต่อกับเราได้ตลอดเวลา”
สำหรับสิ่งที่จะทำให้ผู้สูงอายุมีความสุขได้คือ การไม่มีโรค มีกิจกรรมทำ ซึ่งทางกรมได้สนองนโยบายภาครัฐด้วยการส่งเสริมการจ้างงานและกองทุนเงินออมแห่งชาติให้กับผู้สูงอายุด้วย
เมื่อเอ่ยถึง เคล็ดลับ 80 ปีไม่มีโรค..อยู่ 100 ปีอย่างมีความสุข เมื่อเร็วๆ นี้ สมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉินแห่งประเทศไทย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับโรงพยาบาลราชวิถี และกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาพดีมีอายุยืนยาวที่สมบูรณ์ เพื่อให้ผู้สูงอายุ และผู้ดูแล สามารถดูแลตนเองได้ไม่เจ็บป่วยฉุกเฉิน ณ โรงพยาบาลราชวิถี
ภายในงานนพ.บรรลุ ศิริพานิช และนพ.เฉก ธนะสิริ มาร่วมพูดคุยประเด็น “ใช้ชีวิตอย่างไรให้อายุยืนและแข็งแรง” พร้อมวิธีเลือกอาหารเพื่อสุขภาพ อาทิ การเน้นทานผัก หรือทานอะไรก็ได้ที่ไม่เผ็ดมาก ไม่หวาน ไม่มัน ไม่เค็ม งดอาหารดิบๆสุขๆ ที่สำคัญไม่ดื่มสุราของมึนเมา เป็นต้น
ดร.ประเสริฐ ณ นคร อดีตนายกราชบัณฑิตยสภา ปัจจุบันอายุ 99 ปี
ขณะที่ "ไพลิน มีเดช" และ "ญานิน วังซ้าย" ร่วมกันบอกเล่าถึงเคล็ดลับสุขภาพ ความเป็นอยู่ และแนวคิดการใช้ชีวิต 80 ปีไม่มีโรค ให้แข็งแรงทั้งด้านร่างกายและจิตใจ
ผู้สูงอายุหลายคนคงอยากมีครบทั้ง 2 สิ่ง เธอทั้งสองคนแนะนำว่า ขอให้เริ่มจากการออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทั้งการเดินเป็นการออกกำลังกายที่ง่ายที่สุดและดีที่สุดสำหรับผู้สูงอายุ จะใช้เวลาตอนเช้า 30 นาทีในการเดิน พอให้เหงื่อออก ไม่ต้องเหนื่อยมาก ใน 1 สัปดาห์พยายามเดินให้ได้ 5 วัน หรืออาจเล่นโยคะบ้างตามสะดวกในตอนเช้าและก่อนนอน
ญานิน บอกว่า เรื่องที่เธอตั้งใจไว้ว่า ต้องทำ ต้องมีวินัยเป็นเรื่องที่สำคัญ รวมกับเป็นคนที่ชอบการว่ายน้ำ ช่วยทำให้เราสดชื่น อีกทั้งยังช่วยให้ร่ายกายเรามีความยืดหยุ่น ในเรื่องของการระวังตัวผู้สูงอายุ การก้าวเท้าของผู้สูงอายุจะกว่าต่ำและสั้นกว่าเด็กเล็ก เวลาเดินควรระวังพื้นที่ไม่สม่ำเสมอ อย่าวางของเกะกะทางเดิน ขึ้นบันไดลงบันไดก็ควรจับราวคำนึงถึงความปลอดภัย
ส่วน ไพลิน บอกว่า วันนี้งานประจำของเธอคือการไปวัด ปฏิบัติกรรมฐาน ทำมาตลอด 20 ปี นอกจากร่างกายที่ต้องดูแลแล้ว จิตใจก็ต้องได้รับการดูแลเช่นกัน ผู้สูงอายุจะมีอารมณ์หงุดหงิด โกรธง่าย เพราะฉะนั้นควรมีสติอยู่กับสิ่งที่ทำ เป็นสิ่งผู้สูงอายุควรฝึก จะส่งผลให้ใจเย็นลง หงุดหงิดน้อยลง มีสติขึ้น จะเป็นผู้สูงอายุที่คนอยากเข้าหา อีกทั้งสติจะเป็นสิ่งที่ทำให้กายเราสงบ เวลาป่วยเข้าโรงพยาบาลก็ทำใจให้สงบ ยอมรับกับสิ่งที่เกิด อะไรที่เรายอมรับได้จิตใจก็จะสบายไปด้วย อย่างที่เขากล่าวว่าใจเป็นนายกายเป็นบ่าว ตัวเราทุกคนอยู่ทางโลก ไม่จำเป็นต้องไปวัดทุกวัน อาจมีการปฏิบัติธรรมที่บ้านบ้าง แต่มีสติอยู่กับสิ่งที่จะทำก็เพียงพอ
นอกจากเรื่องการสุขภาพกาย สุขภาพใจแล้ว การใช้ชีวิตและสภาพความเป็นอยู่ของผู้สูงอายุก็มีความสำคัญเช่นกัน การทำกิจกรรมต่างๆ หากไม่ระวังตัว พลาดล้มได้รับบาดเจ็บคงไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่
อาจารย์พิศิษฐ์ โรจนวานิช อดีตนายกสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้ข้อคิดถึงการจัดการจุดเสี่ยงที่ระวังได้ในบ้าน สำหรับบ้านใดมีผู้สูงอายุ ขอให้นำไปปรับเปลี่ยนปรับแต่งบ้านต้อนรับสิ่งดีๆในวันปีใหม่ไทย
“สมัยโบราณบ้านเคยถูกมองว่า เป็นการแสดงออกของฐานะ แต่ปัจจุบันนี้เริ่มมองว่า บ้านคือกุญแจสำคัญของการปรับรูปแบบการใช้ชีวิต ในช่วงวัยต่างๆ ซึ่งรูปแบบสุดท้ายของทุกคน คือรูปแบบการใช้ชีวิตแบบผู้สูงอายุ ในปัจจุบันบ้านหลายหลังที่อาศัยอยู่สนับสนุนและรองรับการใช้ชีวิตเพียงอายุ 7-60 ปีเท่านั้น ในทางกลับกันในช่วงอายุ 7 – 60 ปี คือวัยเรียนและวัยทำงาน เป็นช่วงที่ไม่ค่อยได้อาศัยอยู่บ้าน แต่หลังจากอายุ 60 ปี เกษียณอายุ เป็นช่วงที่ต้องกลับมาอยู่บ้าน แต่บ้านกลับไม่รองรับตัวเราเสียแล้ว จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนสภาพบ้านให้มีความเหมาะสมแก่ช่วงอายุ เพื่อป้องกันจุดเสี่ยงต่างๆ ภายในบ้านที่จะเป็นอันตรายต่อตัวเรา"
การจัดการจุดเสี่ยงที่ระวังได้ในบ้าน ให้ทำดังนี้
ภายนอกบ้าน
1. หากพื้นที่อำนวย ควรมีบริเวณเทียบรถเพื่อรับ-ส่งถ่ายระหว่างรถยนต์กับรถเข็นวีลแชร์
2. ทางลาดความชัน 1:12 ( 1:20 ถ้าเลื่อนรถเข็นด้วยตนเอง )
3. บันไดขั้นเหยียบ 30 ซม. ลูกตั้ง 15 ซม. ราวจับสูง 90 ซม.
4. ทางเข้าบ้านมีชายคานยื่นยาว มีไฟส่องสว่างเพียงพอ
5. มีที่นั่งใส่รองเท้า มีที่วางของก่อนไขกุญแจบ้านเพื่อความปลอดภัย
6. ทางเข้าบ้านไม่ควรมีพื้นต่างระดับหรือธรณี
7. วัสดุปูทางควรมีรอยต่อน้อย ผิวสัมผัสมีความฝืดไม่ลื่น ถ้าเป็นบล็อกยางแบบสนามเด็กเล่น จะล้มโดยไม่เจ็บตัว
ห้องน้ำ
1. พื้นที่ว่าง ภายในอย่างน้อย 1.50 คูณ 1.50 ม. เพื่อรถเข็นวีลแชร์หมุนตัวได้
2. ประตูบานเลื่อนกว้างสุทธิ 90 ซม. ถ้าเป็นแบบติดบานพับให้เปิดออก
3. แบ่งพื้นที่ส่วนเปียก แห้ง ส่วนเปียกเฉพาะพื้นที่อาบน้ำ
4. พื้นห้องน้ำปูกระเบื้องผิวหยาบกันลื่น หรือเคลือบน้ำยากันลื่น
5. พื้นภายในห้องน้ำต่ำกว่าพื้นห้องติดกันไม่เกิน 2 ซม.
ห้องครัว
1. ระดับโต๊ะ / เคาน์เตอร์สูงจากพื้นไม่น้อยกว่า 75 ซม.
2. ใต้โต๊ะ / เคาน์เตอร์ควรเปิดโล่งเพื่อสามารถนั่งเก้าอี้วีลแชร์ทำงานได้
3. เพื่อความสะดวกในการใช้งานหิ้ง ชั้นวางของ ตู้ลอย ควรสูงไม่เกิน 170 ซม. ฝาตู้ควรเป็นลูก ฟักกระจกมองผ่านได้
4. มีไฟส่องสว่างเพียงพอ ทั้งบริเวณเตรียมอาหาร ปรุงอาหาร และล้างจาน
5. เลี่ยงการใช้เตาแก๊ส อาจรั่วหรือลืมปิด ควรใช้เตาแม่เหล็กไฟฟ้าสัมผัสแล้วไม่ร้อน
6. มีสวิตซ์ปิดเปิดปลั๊กไฟ ป้องกันการลัดวงจรเมื่อปลั๊กไฟหลวม
7. มีการตีเส้นขอบด้วยสีเห็นชัดบริเวณขอบโต๊ะ / เคาน์เตอร์
ห้องนั่งเล่น / ห้องรับแขก
1. โต๊ะเก้าอี้ ตู้เตี้ย โซฟา มีความมั่นคง ปราศจากเหลี่ยมคม เก้าอี้โซฟามีเท้าแขนและพนักพิง
2. โซฟาควรมีสีสว่าง ความสูงเบาะที่นั่งประมาณ 45 ซม. ถ้าเตี้ยกว่านี้นั่งแล้วจมลุกยาก เบาะที่นั่งไม่ยุบตัว
3. สีพื้นผนังเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ตกแต่ง ควรใช้สีตัดกัน
4. ทางเดินโล่งไม่มีสิ่งกีดขวางจัดระเบียบพรมเช็ดเท้า ชายม่าน
5. การส่องสว่างจากดวงโคม ควรเป็นแสงสว่างแบบส่องโดยอ้อม
6. เลี่ยงโต๊ะกลางที่เป็นกระจกใส ผู้สูงอายุมองไม่เห็น
7. ขอบล่างหน้าต่างสูงจากพื้น 50-60 ซม. เพื่อวิวภายนอก พร้อมม่านปรับแสงลดแสงจ้า
ห้องนอน
1. มีพื้นที่เพียงพอสำหรับวีลแชร์ เทียบข้างเตียงมีความกว้าง 90 ซม.
2. อุปกรณ์ต่างๆสามารถควบคุมได้ในระยะเอื้อมถึงจากเตียง เช่นสวิตซ์ไฟ โทรศัพท์ กิ่งฉุกเฉิน เป็นต้น
3. ติดตั้งราวพยุงตัวในที่ที่เหมาะสมเฟอร์นิเจอร์มั่นคงแข็งแรง
4. ควรมีแสงจากธรรมชาติและมีม่านปรับแสงเพื่อลดแสงจ้า
5. ตามไฟขนาดเล็กสีเหลือง / ส้มในระดับต่ำ เปิดทั้งคืน โดยเฉพาะทางไปห้องน้ำ
6. ทางเดินโล่ง ไม่มีสิ่งกีดขวาง จัดระเบียบพรมเช็ดเท้า ชายม่าน
ทั้งนี้ อาจารย์พิศิษฐ์ กล่าวทิ้งท้าย ถึงจะมีบัตร 30 บาทรักษาทุกโรค แต่หากบ้านมีจุดเสี่ยงหลายที่ ก็คงไม่มีแพทย์ท่านไหนช่วยรักษาได้ทันตลอดเวลา
ที่มาภาพประกอบ:w.scgbuildingmaterials.com