ศาลเดินหน้าสร้างบ้านพักตุลาการ อ้างสัญญายังมีผลผูกพัน!
วันที่ 5 เม.ย. 2561 ที่ห้องประชุมใหญ่สํานักงานศาลยุติธรรม ชั้น 12 อาคารศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม และนายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม ร่วมกันแถลงข่าวกรณีการก่อสร้างบ้านพักตุลาการบริเวณเชิงดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่
นายสราวุธ กล่าวว่า บ้านพักที่เชียงใหม่ดังกล่าวเป็นทรัพย์สินของทางราชการไม่ใช่เป็นบ้านพักส่วนบุคคล โดยขั้นตอนในการดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายไม่ได้บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติขั้นตอนการขออนุญาตได้มีการกระทำมาตั้งแต่เดิม โดยก่อนปี 2543 ศาลสังกัดอยู่กับกระทรวงยุติธรรม โดยกระทรวงยุติธรรมมีหน้าที่ทางธุรการในการจัดสร้างอาคารต่างๆ ของศาลยุติธรรม
ต่อมาวันที่ 20 ส.ค. 2543 ศาลได้แยกจากกระทรวงยุติธรรม และมีการจัดตั้งสำนักงานศาลยุติธรรมเกิดขึ้น ทำหน้าที่ทางธุรการทุกอย่างและสนับสนุนการพิพากษาโดยในกรณีดังกล่าวมีการขออนุญาตใช้ที่ดินจากกรมธนารักษ์ และผ่านการเห็นชอบจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว กระทั่งมีการเปิดการประมูล มีเอกชนเข้ามาเป็นคู่สัญญารวม 3 สัญญาด้วยกัน สัญญาที่ 1 เป็นการก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 5 สัญญาที่ 2 และสัญญาที่ 3 ที่เหลืออยู่คืออาคารชุดและอาคารที่พักของข้าราชการใน จ.เชียงใหม่ ที่ทำงานให้กับศาลยุติธรรม เพื่อให้ข้าราชการที่ย้ายมาทำงานที่ จ.เชียงใหม่ ได้เข้าพักเมื่อครบวาระต้องย้ายก็ออกจากบ้านพักไปในส่วนของสัญญาที่ 2 มีมูลค่าสัญญา 321 ล้านบาท ส่วนสัญญาที่ 3 มีมูลค่า 342 ล้านบาท โดยสัญญาจะเสร็จสิ้นในวันที่ 9 กับวันที่ 18 มิ.ย. 2561 ตามลำดับ
นายสราวุธ กล่าวว่า พื้นที่ขออนุญาตไว้มีจำนวน 147 ไร่ใช้ที่พื้นที่ในการดำเนินการไป 89 ไร่ ในส่วนของการดำเนินการในปัจจุบันยังมีสัญญาที่ยังผูกพัน ในระหว่างการดำเนินงานนั้นไม่ได้ตัดต้นไม้ทำลายป่า จำนวนต้นไม้ที่มีการขุดย้ายในพื้นที่ต้นไม้ที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.30 เมตรขึ้นไปมีต้นประดู่ 29 ต้น ต้นพลวง 86 ต้น ต้นสัก 4 ต้น ต้นกระบาก 77 ต้น ไม้เนื้ออ่อนอีก 44 ต้น ไม่มีการตัดแต่เป็นการขุดล้อมแล้วย้ายเพื่อปลูกในโครงการ ทั้งนี้แผนระยะสั้นระยะที่ 1 จะไม่มีการตัดต้นไม้ใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีการปรับพื้นที่ก่อสร้างเพิ่มเติมจะดูแลรักษาสภาพพื้นที่ให้สมบูรณ์ โครงการก่อสร้างทั้งหมดในจังหวัดเชียงใหม่และการพื้นที่ป่าที่ไม่ได้ดำเนินการเลย 58 ไร่ โดยในวันที่ 21 เม.ย.นี้ เป็นวันศาลยุติธรรม จะมีการปลูกต้นไม้ตามแบบภูมิทัศน์ในสัญญา แบ่งเป็นไม้ยืนต้นปลูกต้นพยุง 60 ต้น ต้นแคนาป่า 94 ต้น ต้นลีลาวดี 299 ต้น และต้นไม้ประเภทต่างๆ อีก 6,400 ต้น
นายสราวุธ กล่าวประกอบแผนที่ทางอากาศว่า โครงการก่อสร้างดังกล่าวก่อสร้างขึ้นในแนวระดับเดียวกับการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ ในพื้นที่ดอยสุเทพตามแนวขอบตะเข็บเดียวกันอันนี้ คือข้อเท็จจริงที่ปรากฏแตกต่างจากการนำเสนอผ่านสื่อต่างๆ อาจจะเป็นการนำเสนอเฉพาะโครงการ สิ่งที่เกิดขึ้นตนไม่เคยปฏิเสธความรับผิดชอบ แม้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นก่อนที่ตนได้รับตำแหน่งแต่เป็นความผูกพันและเป็นหน้าที่ในความรับผิดชอบของตนในการทำหน้าที่ เพราะการก่อสร้างโครงการบ้านพักไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับศาลอุทธรณ์ภาค 5 เพราะถ้าสัญญามาก่อนตอนสังกัดกระทรวงยุติธรรมก็เป็นกระทรวงยุติธรรมที่เป็นผู้ที่ดำเนินการ แต่หากเกิดขึ้นภายหลังสังกัดสำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานศาลยุติธรรมก็จะเป็นผู้รับผิดชอบการดำเนินการ
ที่ผ่านมาเราไม่ได้ตอบว่าเราจะทำถูกกฎหมายอย่างเดียว สิ่งที่ประชาชนให้ความห่วงใยก็พร้อมจะรับฟังและรับข้อเสนอแนะต่างๆและแผนที่จะดำเนินการต่างๆ ก็อาจจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นเพราะศาลก็อยากจะรักษาสิ่งแวดล้อมไว้แต่การดำเนินการต่างๆอาจจะไม่เป็นที่ถูกใจของทุกคนแต่ก็พร้อมที่จะรับฟังข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม การที่จะดำเนินการใดๆ ก็ตาม ต้องกระทำตามขอบข้อกฎหมายที่มีอยู่ไม่อาจจะกระทำการใดเช่นไปทุบทำลายทิ้งได้เองเพราะถือเป็นทรัพย์สินของทางราชการ ขั้นตอนต่อไปในวันที่ 9 เม.ย. เวลา 09.30 น.คณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม จะมีการประชุมตนในฐานะเลขาคณะกรรมการชุดดังกล่าวจะเสนอเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมว่ามีความเห็น อย่างไรแล้วจะนำเสนอนายกรัฐมนตรีทราบต่อไป จากนั้นจะมีการแถลงข่าวให้สื่อมวลชนทราบ
ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จัดให้มีการประชุม 3 ฝ่ายในวันที่ 9 เม.ย.นี้ นั้น นายสราวุธ กล่าวว่า ยังไม่มีการแจ้งหนังสือมาถึงสำนักงานศาลยุติธรรมแต่อย่างใด ทั้งนี้เพื่อการประชุมของคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมมีมติอย่างไรแล้วตนจะแจ้งไปยังนายกรัฐมนตรี หากมีการประชุมร่วมกันก็ยินดีที่จะเข้าร่วมเพื่อรับฟังข้อคิดเห็นทั้งนี้ต้องให้ประธานศาลฎีการับทราบด้วย โดยตนยังไม่อาจให้ความเห็นส่วนตัวในกรณีอื่นๆ ได้ เช่นว่าจะมีการยุติการก่อสร้างหรือไม่หรือการจัดการในบริเวณก่อสร้างดังกล่าวจะดำเนินการอย่างไร
"การก่อสร้างยังคงดำเนินการต่อไป โดยต้องรอการประชุมของคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมก่อนรวมถึงการหารือที่จะมีขึ้นในอนาคตด้วย ในฐานะที่ผมอยู่ในภายใต้สัญญาก็จะต้องดำเนินการภายใต้สัญญาเพราะไม่เช่นนั้นก็อาจจะมีการกระทำผิดกฎหมายได้ ทั้งนี้การแถลงข่าวในวันนี้ก็เพื่อที่ต้องการให้ทราบถึงจุดยืนว่าสำนักงานศาลยุติธรรมพร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่ายและข้อเสนอแนะของทุกฝ่ายที่เป็นประโยชน์ของส่วนรวม"เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าว
เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวอีกว่า เหตุที่เลือกทำเลดังกล่าวเป็นการก่อสร้าง เนื่องจากพื้นที่ในการก่อสร้างจำเป็นต้องหาจากที่ของราชพัสดุว่าตรงไหนที่อนุญาตให้ใช้ได้ โดยทำตามขั้นตอนทุกอย่าง เข้าใจว่าเหตุที่เลือกพื้นที่ดังกล่าวเพราะอยู่ใกล้ที่ทำการของสำนักงานศาล เพื่อลดเวลาการเดินทางและเพื่อทำงานให้มีประสิทธิภาพ
ขณะที่นายสุริยัณห์กล่าวว่า สำหรับโครงการดังกล่าวมีบ้านพักของผู้พิพากษาอยู่ 38 หลัง อาคารชุดของธุรการ 16 หน่วย และอาคารชุดจำนวน 36 หน่วยอีก 1 หลัง โดยมีทั้งหมด 3 สัญญาภายในบริเวณเดียวกัน อาคารที่ส่งมอบไปแล้วคืออาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 5