ชี้ตัวไอ้โม่งงาบงบคนจน ธุรกรรมการเงินเอี่ยว'ซี10-11'
เลขาฯ ป.ป.ท. เผยข้อมูล 37 ศูนย์คนไร้ที่พึ่ง ชี้ตัวไอ้โม่งงาบงบคนจน เตรียมเสนอบอร์ดป.ป.ท. ตั้งอนุไต่สวนเพิ่มเติม ขณะที่พบธุรกรรมการเงินเชื่อมโยงซี 10-11 โอนเงินให้คนใกล้ชิดช่วงโยกย้าย รอชัดเจนชงนายกฯ ปลดออกราชการ
เมื่อวันที่ 2 เม.ย. 2561 พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. กล่าวถึงการตรวจสอบเงินสงเคราะห์คนยากไร้ของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งว่า ในวันพรุ่งนี้ (3 เม.ย.) สำนักงาน ป.ป.ท. จะประชุมและรายงานผลการตรวจสอบการทุจริตศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง 37 แห่ง ซึ่งเป็นการตรวจสอบเร่งด่วนของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง ที่มีการเบิกจ่ายงบประมาณเกิน 1 ล้านบาท เพื่อสรุปผลเสนอต่อที่ประชุมบอร์ดป.ป.ท.พิจารณาตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนเพิ่มเติม โดยผลการประชุมจะทำให้เห็นตัวตนหรือเค้าลางว่ามีใครเข้าไปเกี่ยวข้องบ้าง โดยมีจำนวนหลายคนทั้งที่ยังอยู่ในตำแหน่งราชการและไม่อยู่ในระบบราชการ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้ ต้องรอความชัดเจนจากเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดก่อน ซึ่งป.ป.ท.ต้องรวบรวมทั้งพยานเอกสารพยานบุคคลและการแสวงหาความเชื่อมโยงของพยานหลักฐานต่างๆ อย่างรอบคอบ ส่วนจะเกี่ยวข้องถึงผู้บริหารของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) หรือไม่ ต้องรอดูจากพยานหลักฐานด้วยเช่นกัน โดย ป.ป.ท.ประสานการทำงานกับกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การตรวจสอบคู่ขนานกันไป และที่ผ่านมาก็มีความเห็นตรงกันว่าโครงการเงินคนไร้ที่พึ่งเป็นโครงการที่ดีจำเป็นต้องมีต่อไป แต่จะร่วมกันหาแนวทางในการแก้ปัญหาและความชัดเจนในทิศทางการทำงาน เพื่อไม่ให้เกิดการทุจริตในโครงการนี้ในอนาคต
พ.ท.กรทิพย์ กล่าวต่ออีกว่า การตรวจสอบการทุจริตยังคงเดินหน้าต่อไป โดยภาพรวมการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินงบประมาณ ประจำปี พ.ศ.2560 ประเภทเงินอุดหนุนเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่ง 76 แห่ง วงเงินงบประมาณ 123,159,000 บาท พบความผิดปกติจำนวน 53 จังหวัด งบประมาณ 107,049,000 บาทหรือคิดเป็น ร้อยละ 87 ของงบประมาณศูนย์คุ้มครองฯ โดยภาคอีสาน 20 จังหวัด พบหลักฐานส่อทุจริตครบทั้ง 20 จังหวัด ที่ผ่านมาคณะกรรมการ ป.ป.ท. รับไว้ไต่สวนแล้วจำนวน 17 จังหวัด ประกอบด้วย ขอนแก่น เชียงใหม่ บึงกาฬ หนองคาย สุราษฎร์ธานี ตราด น่าน เชียงราย อุบลราชธานี ตรัง กระบี่ บุรีรัมย์ สุรินทร์ อำนาจเจริญ กาฬสินธุ์ นครพนม และชัยภูมิ พร้อมทั้งตั้งอนุกรรมการไต่สวนสหกรณ์สันกำแพง จ.เชียงใหม่ และนิคมสร้างตนเอง จ.บุรีรัมย์ ด้วย โดยมีผู้ถูกกล่าวหา 94 คน และจะทยอยสรุปสำนวนส่งเข้าสู่การพิจารณาของบอร์ดป.ป.ท.เพื่อตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนจนครบทุกจังหวัด
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ในส่วนของบุคคลที่อยู่เบื้องหลังขณะนี้รอความชัดเจนถึงเส้นทางการเงินจาก ปปง. เป็นระดับ 10 และ 11 โดยข้อมูลที่พบบางส่วนตรงกับการตั้งกรรมการสอบสวนวินับร้ายแรงของพม. และพบความเชื่อมโยงเพิ่มเติมจากธุรกรรมการเงินที่ปรากฏ โดยมีร่องรอยการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของบุคคลใกล้ชิดกับข้าราชการระดับสูงช่วงใกล้มีคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายประจำปี ซึ่งป.ป.ท.จะตรวจสอบเพื่อเอาผิดในทางอาญา เมื่อธุรกรรมการเงินชัดเจนจะเสนอพล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ปลดออกจากราชการ ในส่วนของพม.สอบสวนเพื่อเอาผิดทางวินัยและปกครองตามที่ปรากฎข้อมูล