“ศรีสุวรรณ” ร้องผู้ตรวจฯ สอบรถมินิบิ๊กซีจำหน่ายสินค้า ชี้ทำลายโชวห่วย
สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน สอบ “กรมการค้าภายใน” ปล่อยรถมินิบิ๊กซีจำหน่ายสินค้า อ้างทำลายโชวห่วย
วันนี้ (29 มี.ค.) สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญ นำโดยนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมฯ เข้ายื่นร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายฐนภณ ธนวชิรนนท์ เจ้าหน้าที่สอบสวนอาวุโสระดับสูง ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือนอกเหนือหน้าที่และอำนาจตามกฎหมาย ของอธิบดีกรมการค้าภายใน รมว.พาณิชย์ คณะกรรมการควบคุมสินค้าและบริการ และคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า กรณีปล่อยให้ผู้ประกอบการรถ “มินิบิ๊กซี” ออกมาจำหน่ายสินค้าและบริการในลักษณะฝ่าฝืนกฎหมาย และเสนอแนะให้คณะรัฐมนตรีให้ขจัดหรือระงับความไม่เป็นธรรมให้เสนอแนะต่อหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด
นายศรีสุวรรณกล่าวว่า กรณีมีรถจำหน่ายสินค้าสะดวกซื้อที่ขึ้นชื่อป้ายขนาดใหญ่บนตัวรถว่า “มินิบิ๊กซี” ซึ่งเชื่อได้ว่าน่าจะเป็นของบริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ไปวิ่งบริการและจอดจำหน่ายสินค้าลักษณะเดียวกันกับร้านค้ารายย่อยหรือร้านโชวห่วยทั่วไป และอาหารแช่แข็งมาจัดจำหน่าย พร้อมกับบริการจ่ายบิล การกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นการผูกขาดธุรกิจ แย่งช่องทางทำมาหากินของร้านค้ารายย่อยต่างๆ และรถโชห่วยต่างๆ จนเกินไป ซึ่งการดำเนินการแบบนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อร้านค้ารายย่อย เพราะร้านค้ารายย่อย ไม่สามารถแข่งขันได้ เนื่องจากเสียเปรียบเรื่องเงินทุน และเครือข่ายธุรกิจ
แม้อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ จะออกมากล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ได้สอบถามไปทางบิ๊กซีแล้ว ซึ่งได้คำตอบว่าเป็นเพียงแนวคิดการทำธุรกิจรูปแบบใหม่ของบริษัท และอยู่ในช่วงทดลองเท่านั้น ยังไม่ได้วางแผนทำอย่างจริงจังแต่อย่างใดนั้น แต่ตนเห็นว่าเป็นหน้าที่ของกรมการค้าภายในจะต้องติดตามตรวจสอบและสั่งระงับระบบค้าปลีกดังกล่าวไม่ให้เกิดขึ้น เพราะก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมต่อร้านค้ารายย่อย ทำให้เกิดเกิดความปั่นป่วนซึ่งราคาของสินค้าและบริการในพื้นที่ที่รถ “มินิบิ๊กซี” เข้าไปบริการจำหน่ายสินค้าและบริการ
การเพิกเฉยของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ และคณะกรรมการควบคุมสินค้าและบริการ ปล่อยให้ผู้ประกอบการขนาดใหญ่ออกมาดำเนินการค้าขายโดยอ้างการทดลองตลาด โดยไม่มีใบอนุญาตการประกอบการค้าเร่ เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 และไม่ได้เสียภาษีป้ายแต่อย่างใด รวมทั้งมีการดัดแปลงสภาพรถนั้น เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2522 และ พ.ร.บ.การจนส่งทางบก พ.ศ. 2522 ประกอบกฎกระทรวงกำหนดส่วนควบและอุปกรณ์สำหรับรถ พ.ศ. 2551
นอกจากนั้น รถยนต์ “มินิบิ๊กซี” ดังกล่าว มีการติดตั้งเครื่องเสียงลำโพงบริเวณหลังคารถเพื่อขยายเสียงโฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการอีกด้วย ซึ่งจะต้องมีการขออนุญาตต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น ตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 และพ.ร.บ.ควบคุมการใช้เสียง และเครื่องขยายเสียง พ.ศ. 2493 เสียก่อนด้วย ดังนั้น ทางสมาคมฯ จึงขอให้ผู้ตรวจฯเร่งดำเนินการและแสวงหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้
ด้านนายฐนภณกล่าวว่า รับเรื่องเสนอให้ผู้ตรวจฯโดยเร็วเพื่อพิจารณาว่าอยู่ในหน้าที่เราหรือไม่ แต่อย่างไรแล้วเราคงต้องเชิญผู้ประกอบการรายย่อยและหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องมาร่วมพูดคุยกันก่อน ส่วนจะเชิญบริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) มาพูดคุยหรือไม่นั้น คนต้องแล้วแต่ดุลพินิจของผู้ตรวจฯ
ที่มาข่าว:https://mgronline.com/politics/detail/9610000031249