คปภ.สั่งหยุดรับประกันภัยชั่วคราว 'เจ้าพระยาประกันภัย'แล้ว
มีรายงานข่าว แจ้งว่า เมื่อวันที่ 24 มี.ค.2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมด้วยพนักงานคปภ.ได้นำคำสั่งนายทะเบียนที่ 17/2561 เรื่องให้บริษัทเจ้าพระยาประกันภัย จำกัด (มหาชน) หยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราวไปติดหน้าที่ทำการสำนักงานของบมจ.เจ้าพระยาประกันภัย ย่านถนนพระราม 4
โดยสาระสำคัญของคำสั่งนายทะเบียนดังกล่าวระบุว่า ด้วยปรากฎหลักฐานต่อนายทะเบียนว่า บริษัทมีฐานะการเงินไม่มั่นคงจากการดำรงเงินกองทุนไม่ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนดและมีหนี้สินเกินกว่าทรัพย์สิน และยื่นงบการเงินและรายงานเกี่ยวกับฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัทไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงหลายครั้ง มีพฤติกรรมปิดบังซ่อนเร้นฐานะการเงินหรือการดำเนินการ โดยบันทึกรายการหนี้สินจากการประกนภัยต่อและเงินสำรองสำหรับค่าสินไหมทดแทนที่ได้รับรายงานแล้ว ต่ำกว่าความเป็นจริง ทำให้สำนักงานคปภ.ไม่ทราบฐานะการเงินที่แท้จริงของบริษัท และไม่สามารถมั่นใจได้ว่าบริษัทมีความสามารถในการชำระภาระผูกพันที่มีต่อผู้เอาประกันภัยหรือประชาชนได้ และไม่สามารถมั่นใจได้ว่าบริษัทมีความสามารถในการชำระภาระผูกพันที่มีต่อผู้เอาประกันภัยหรือประชาชนได้ จึงเป็นกรณีที่บริษัทเจ้าพระยาประกันภัย จำกัด(มหาชน)มีฐานะหรือการดำเนินการอยู่ในลักษณะอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัยหรือประชาชน
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 52 แห่งพระราชราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ.2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกนวินาศภัย(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2551 ประกอบกับมติคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ในการประชุมครั้งที่ 3/2561 เมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ.2561 นายทะเบียนด้วยความเห็นชอบของคณะกรรมกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย จึงมีคำสั่งให้บริษัท หยุดรับประกนวินาศภัยเป็นการชั่วคราว และแก้ไขฐานะและการดำเนินการดังต่อไป 1.ดำรงเงินกองทุนให้ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด 2.ยื่นรายงานประมาณการฐานะการเงินและความเพียงพอของเงินกองทุนเป็นรายไตรมาส เป็นระยะเวลา 1 ปี เริ่มตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ของปี พ.ศ.2561 3.ปรับปรุงการบันทึกรายการบัญชีให้ถูกต้องต่อความเป็นจริง เพื่อให้งบการเงินของบริษัทมีความน่าเชื่อถือ และผ่านการรับรองจากผู้สอบบัญชีรับอนุญาตที่แสดงความเห็นแบบไม่มีเงื่อนไข หรือแบบมีเงื่อนไขในลักษณะที่ไม่เป็นเหตุให้บริษัทมีฐานะการเงินหรือการดำเนินการอยู่ในลักษณะอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัยหรือประชาชน4.จัดให้มีระบบงานและบุคลากรที่มีคุณภาพ ได้แก่ ระบบบัญชีการเงิน ระบบการรับประกัน จ่ายเงิน ระบบการจัดการค่าสินไหมทดแทน ระบบการบริหารความเสี่ยง ระบบควบคุมภายในที่เหมาะสมและเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และให้มีคู่มือการปฏิบัติการของพนักงานเป็นลายลักษณ์อักษร พร้อมทั้งให้มีการทดสอบระบบงานให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และ5.ให้แก้ฐานะและการดำเนินงานตามข้อ 1 ถึงข้อ 4 ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ.2561 หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (บอร์ด คปภ.) ครั้งที่ 3/2561 เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2561 ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้บริษัท เจ้าพระยาประกันภัย จำกัด (มหาชน) หยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม 2561 เป็นต้นไป เนื่องจากปรากฏพฤติการณ์และหลักฐานต่อนายทะเบียนว่า บริษัท เจ้าพระยาประกันภัย จำกัด (มหาชน) มีฐานะการเงินไม่มั่นคง เนื่องจากขาดเงินกองทุนตามกฎหมาย และมีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน และยื่นรายงานงบการเงินและรายงานเกี่ยวกับฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัทไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงหลายครั้ง มีพฤติกรรมปิดบังซ่อนเร้นฐานะการเงิน หรือการดำเนินการ โดยบันทึกรายการหนี้สินจากการประกันภัยต่อ และเงินสำรองสำหรับค่าสินไหมทดแทนที่ได้รับรายงานแล้วต่ำกว่าความเป็นจริง ทำให้ไม่ทราบฐานะการเงินที่แท้จริงของบริษัท และหากบริษัทไม่ดำเนินการแก้ไขปัญหาเพื่อให้มีการรายงานฐานะการเงินและการดำเนินการอย่างถูกต้องครบถ้วนแล้ว สำนักงาน คปภ. ก็ไม่สามารถมั่นใจได้ว่าบริษัทมีความสามารถในการชำระภาระผูกพันที่มีต่อผู้เอาประกันภัยหรือประชาชนได้ นอกจากนี้ หากไม่มีคำสั่งให้บริษัทหยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว สำนักงาน คปภ.จะไม่สามารถมั่นใจได้ว่าในระหว่างนี้บริษัทจะไม่มีการโยกย้ายทรัพย์สินในลักษณะที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้เอาประกันภัยและประชาชน
คณะกรรมการ คปภ. พิจารณาจากพฤติการณ์และหลักฐานต่าง ๆ ดังกล่าวโดยละเอียดแล้ว เห็นชอบให้นายทะเบียนใช้อำนาจตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 โดยสั่งให้บริษัท เจ้าพระยาประกันภัย จำกัด (มหาชน) หยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว และให้บริษัทเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาฐานะการเงินและการดำเนินงาน โดยกำหนดเงื่อนไขต่างๆให้บริษัทดำเนินการดังนี้
1. ดำรงเงินกองทุนให้ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด
2. ยื่นรายงานประมาณการฐานะการเงินและความเพียงพอของเงินกองทุนเป็นรายไตรมาสเป็นระยะเวลา 1 ปี เริ่มตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ของปี พ.ศ. 2561
3. ปรับปรุงการบันทึกรายการบัญชีให้ถูกต้องตรงต่อความเป็นจริง เพื่อให้งบการเงินของบริษัทมีความน่าเชื่อถือ และผ่านการรับรองจากผู้สอบบัญชีรับอนุญาตที่แสดงความเห็นแบบไม่มีเงื่อนไข หรือแบบมีเงื่อนไข ในลักษณะที่ไม่เป็นเหตุให้บริษัทมีฐานะการเงินหรือการดำเนินการอยู่ในลักษณะอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัยหรือประชาชน
4. จัดให้มีระบบงานและบุคลากรที่มีคุณภาพ ได้แก่ ระบบบัญชีการเงิน ระบบการรับเงินจ่ายเงิน ระบบการจัดการค่าสินไหมทดแทน ระบบการบริหารความเสี่ยง ระบบควบคุมภายในที่เหมาะสมและเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และให้มีคู่มือการปฏิบัติงานของพนักงานเป็นลายลักษณ์อักษร พร้อมทั้งให้มีการทดสอบระบบงานให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
5. ให้แก้ไขฐานะและดำเนินการตามข้อ 1. ถึงข้อ 4. ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2561 หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง การสั่งให้ บริษัท เจ้าพระยาประกันภัย จำกัด (มหาชน) หยุดรับประกันภัยเป็นการชั่วคราวจะไม่กระทบต่ออุตสาหกรรมประกันภัย เนื่องจากอุตสาหกรรมประกันภัยในภาพรวมยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ประกอบกับจากข้อมูลสถิติปี 2560 บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดเพียงร้อยละ 0.83 ของเบี้ยประกันภัยรับตรงของธุรกิจประกันวินาศภัย จึงขอให้ประชาชนผู้เอาประกันภัยไม่ต้อง วิตกกังวล ทั้งนี้ บริษัทยังต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามปกติ เพียงแต่ไม่สามารถรับประกันภัยรายใหม่ได้
“ผมได้เน้นย้ำให้สำนักงาน คปภ. ให้ความคุ้มครองประชาชนผู้บริโภคเป็นสำคัญ โดยได้สั่งการไปยังสายตรวจสอบและสายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ ตลอดจนสำนักงาน คปภ.ทั่วประเทศ ตรวจสอบสาขา/สำนักงานตัวแทนของ บริษัท เจ้าพระยาประกันภัย จำกัด (มหาชน) ที่ตั้งอยู่ในเขตรับผิดชอบ และให้ดำเนินการแจ้งการสั่งหยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว เพื่อป้องกันไม่ให้บริษัท/ตัวแทน/นายหน้าประกันภัยขายกรมธรรม์รายใหม่ในระหว่างการหยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว พร้อมทั้ง ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะเจ้าหน้าที่เข้าไปประจำที่บริษัท เพื่อควบคุมดูแลให้บริษัท ดำเนินการตามเงื่อนไขที่นายทะเบียนกำหนดแล้ว หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน คปภ. 1186 หรือ www.oic.or.th”