ศาลปค.อุดรธานีเพิกถอนหนังสืออนุญาตให้เอกชนทำเหมืองแร่หิน ในเขตป่าสงวนฯ จ.หนองบัวลำภู
ศาลปกครองอุดรธานีเพิกถอนหนังสืออนุญาตให้เอกชนเข้าทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเก่ากลอยและป่านากลาง ในท้องที่จังหวัดหนองบัวลำภู และเพิกถอนคำสั่งของรัฐมนตรีที่ต่ออายุประทานบัตรในพื้นที่ดังกล่าว ชี้หากเอกชนประสงค์จะขอต่ออายุประทานบัตร จะต้องยื่นคำขออนุญาตตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560
เมื่อเร็วๆ นี้ ศาลปกครองอุดรธานีมีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ ส.9/2555 คดีหมายเลขแดงที่ ส.5/2555 ระหว่าง นายหนูชาย พลซา ที่ 1 กับพวกรวม 78 คน (ผู้ฟ้องคดี) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ 1 กับพวกรวม 6 คน (ผู้ถูกฟ้องคดี) คดีนี้ผู้ฟ้องคดีฟ้องว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และที่ 2 (อธิบกรมป่าไม้) และที่ 3 (ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู) ร่วมกันพิจารณาออกหนังสืออนุญาตให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 6 (นายธีรสิทธิ์ ตรีวัฒน์สุวรรณ) เข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเก่ากลอยและป่านากลาง ในท้องที่ตำบลดงมะไฟ อำสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบัวลำภู เพื่อทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 (รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม) และที่ 5 (กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่) ร่วมกันพิจารณาต่ออายุประทานบัตรให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 6 ทำเหมืองแร่ในพื้นที่ดังกล่าว เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนหนังสืออนุญาตและคำสั่งต่ออายุประทานบัตรดังกล่าว และให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 และที่ 5 ดำเนินการทบทวนแก้ไขรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 6 และดำเนินการให้ข้อมูล คำชี้แจงและเหตุผลในการต่ออายุประทานบัตร และเปิดโอกาสให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นอย่างทั่วถึงก่อนการดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับเหมืองแร่หินอุตสาหกรรม
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เมื่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 6 ยังไม่ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งกับราษฎรในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียงที่ไม่เห็นด้วยกับการขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติของผู้ถูกฟ้องคดี ที่ 6 และสภาองค์การบริหารส่วนตำบลดงมะไฟยังไม่ได้มีการประชุมเพื่อลงมติให้ความเห็นชอบในเรื่องที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 6 ขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเพื่อทำเหมืองแร่ตามข้อ 8 (5) ของระเบียบกรมป่าไม้ว่าด้วยการอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2548
การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 โดยผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 มีหนังสืออนุญาตให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 6 เข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเก่ากลอยและป่านากลาง ในท้องที่ตำบลดงมะไฟ อำสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบัวลำภู เพื่อทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนจึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และถือว่าผู้ถูกฟ้องคดีที่ 6 ยังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติตามข้อ 27 (4) ของระเบียบกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ว่าด้วย การดำเนินการเกี่ยวกับคำขอประทานบัตร การออกประทานบัตร การต่ออายุประทานบัตร และการโอนประทานบัตร พ.ศ.2547
ดังนั้น การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 มีคำสั่งต่ออายุประทานบัตรให้แก่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 6 จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน
จึงพิพากษาเพิกถอนหนังสืออนุญาตให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 6 เข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเก่ากลอยและป่านากลาง ในท้องที่ตำบลดงมะไฟ อำเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบัวลำภู เพื่อทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน และเพิกถอนคำสั่งต่ออายุประทานบัตรในพื้นที่ดังกล่าว
และเมื่อศาลได้มีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งต่ออายุประทานบัตรแล้ว หากผู้ถูกฟ้องคดีที่ 6 ยังประสงค์จะขอต่ออายุประทานบัตรดังกล่าว จะต้องยื่นคำขออนุญาตตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 ซึ่งกฎหมายก็ได้บัญญัติให้ต้องดำเนินการให้ประชาชนในพื้นที่ได้มีส่วนร่วมไว้โดยเฉพาะแล้ว จึงไม่จำต้องมีคำบังคับตามคำขอของผู้ฟ้องคดีในเรื่องนี้อีก