ฎีกาจำคุก 7 เดือนไม่รอลงอาญา “เสี่ยขาว” เจ้าของซานติก้าผับ เลี่ยงภาษี
ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 7 เดือน ไม่รอลงอาญา 'เสี่ยขาว' เจ้าของสถานบันเทิงซานติก้าผับ ที่ถูกไฟไหม้ส่งท้ายปี 51 ตาย 67 ราย ฐานไม่ยื่นเสียภาษีสรรพสามิต
เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2561 ที่ห้องพิจารณา 904 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีหมายเลขดำที่ อ.4050/2553 ที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวิสุข เสร็จสวัสดิ์ หรือเสี่ยขาว อายุ 53 ปี กรรมการผู้จัดการบริษัท ไวท์ แอนด์ บราเธอร์ส์ (2003) จำกัด ผู้บริหารซานติก้าผับ ย่านเอกมัย เป็นจำเลยในความผิดฐานกระทำผิด พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต ต่อกรมสรรพสามิต รวมยอดเงินทั้งสิ้น 85,382,470.67 บาท เหตุเกิดที่แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กทม.เกี่ยวพันกัน
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยเป็นกรรมการผู้จัดการซานติก้าผับ มีหน้าที่ควบคุมดูแลรับผิดชอบกิจการต่างๆ ภายในร้าน รวมทั้งมีหน้าที่ต้องยื่นแบบภาษี แต่จำเลยไม่ได้ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษี โดยมีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษี มีความผิดรวม 4 กระทง พิพากษาลงโทษจำคุกกระทงละ 3 เดือน รวมจำคุก 12 เดือนโดยไม่รอลงอาญา ส่วนข้อหาแจ้งความเท็จ และข้อหาอื่นๆ ให้ยกฟ้องเนื่องจากคดีขาดอายุความ
ต่อมาจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันไม่ยื่นแบบรายการภาษีเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีสรรพสามิตประจำเดือน ม.ค. 2548 - ธ.ค. 2551
อัยการโจทก์ยื่นฎีกาให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมาย
โดยวันนี้ นายวิสุข เสร็จสวัสดิ์ หรือเสี่ยขาว สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว กางเกงสีดำ เดินทางมาฟังคำพิพากษาศาลฎีกาตามกำหนดนัด พร้อมกับทนายความและคนใกล้ชิด
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษากันแล้วเห็นว่า พยานบุคคลและพยานเอกสารที่โจทก์นำสืบมารับฟังประกอบกันฟังได้ว่า แม้บริษัท ไวท์แอนด์บราเธอร์ส (2003) จำกัด จะจดทะเบียนเปลี่ยนตัวกรรมการผู้มีอำนาจจากจำเลยเป็นบุคคลอื่นแล้ว แต่จำเลยยังคงเข้าไปดูแลกิจการของสถานบริการซานติก้าผับแต่เพียงผู้เดียว ทั้งด้านบริการลูกค้าและด้านการเงินด้วยการจ่ายเงินเดือนพนักงานร่วมกับผู้ถือหุ้นอื่น สั่งจ่ายเงินจากบัญชีบริษัทเป็นค่าใช้จ่ายสถานบริการซานติก้าผับ และเมื่อมีรายได้จากการดำเนินงานก็จะนำเงินเข้าบัญชีส่วนตัวของจำเลย แสดงให้เห็นว่าจำเลยยังคงเป็นเจ้าของสถานบริการซานติก้าผับ เป็นผู้ประกอบกิจการสถานบริการ ตาม พ.ร.บ.สรรพสามิต พ.ศ. 2527 มาตรา 4 จำเลยจึงต้องมีหน้าที่ยื่นแบบรายการภาษีสรรพสามิต และชำระภาษีสรรพสามิต การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามกฎหมาย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยมิได้เป็นผู้ประกอบกิจการสถานบริการซานติก้าผับ หรือร่วมกับ บริษัทไวท์ แอนด์บราเธอร์ส (2003) จำกัด จึงไม่มีหน้าที่ต้องยื่นแบบรายการภาษีสรรพสามิตและชำระภาษีสรรพสามิตนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2527 มาตรา 4, 48 (2), 164 ฐานไม่ยื่นแบบภาษีเพื่อหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีสรรพสามิต รวม 4 กระทง สำหรับความผิดในรายปี 2558 โจทก์ฎีกาให้ลงโทษจำเลยเฉพาะการไม่ยื่นแบบรายการภาษีและไม่ชำระภาษีของเดือน พ.ย.และ ธ.ค.ให้จำคุก 1 เดือน ส่วนความผิดอีก 3 กระทงนั้นให้จำคุกกระทงละ 2 เดือน รวมจำคุก 7 เดือน โดยไม่สมควรรอการลงโทษ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ภายหลังศาลฎีกามีคำพิพากษาให้จำคุกแล้ว เสี่ยขาวมีสีหน้าเรียบเฉยและพร้อมที่จะรับโทษคำพิพากษาของศาล โดยก่อนหน้านี้จำเลยก็ได้ชดใช้เงินเยียวยาให้แก่ญาติผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตร่วม 100 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายวิสุข หรือเสี่ยขาว นอกจากคดีหลบเลี่ยงภาษีแล้ว ก่อนหน้านี้ได้รับโทษจำคุก 3 ปีแล้วตามคำพิพากษาศาลฎีกา เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2558 ในคดีหมายเลขดำ ที่ อ.541/2553, 648/2553 และ 753/2553 ที่อัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ยื่นฟ้องเป็นจำเลยร่วมกับพนักงานดูแลสถานบันเทิงดังกล่าว และนักร้องกับบริษัทรับจ้างติดตั้งไฟและจัดดอกไม้เพลิง รวม 7 คน ฐานกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และได้รับบาดเจ็บสาหัส ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ กรณีเกิดเพลิงไหม้ซานติก้าผับย่านเอกมัย คืนวันที่ 31 ธ.ค. 2551 จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 67 คน บาดเจ็บและบาดเจ็บสาหัส 103 คน ซึ่งศาลฎีกาพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก 3 ปี เช่นเดียวกับผู้บริหารบริษัทรับจ้างติดตั้งไฟฯ