คู่แรกในประเทศ!ศาลฎีกาฯฟัน‘เจ๊หงส์’ที่ปรึกษา‘สมศักดิ์’ตามรอยสามี ยื่นบัญชีฯเท็จ
ศาลฎีกาฯฟัน ‘เจ๊หงส์-อรพิน พิพัฒน์วิไลกุล’ ที่ปรึกษา‘ขุนค้อน-สมศักดิ์’ จงใจยื่นบัญชีฯเท็จปม หุ้น บ.โซลูชั่น คอนเนอร์ ฯ 116.4 ล้าน - หนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงิน 145 ล้าน ทรัพย์สินของ‘สุวิทย์’สามี ระบุทราบถึงความมีอยู่-ทำมาหาได้ร่วมกัน คู่แรกในสารบบคดียื่นเท็จ
นายกองโท สุวิทย์ หรือสุวิทย์ พิพัฒน์วิไลกุล หรือ 'เสี่ยต้อยติ่ง’ ที่ปรึกษาประธานรัฐสภา ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษา ให้มีความผิดกรณีจงใจยื่นบัญชีแสดง รายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ผู้ร้อง ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริง ที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณี ปกปิดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเงินลงทุนบริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998 ) จำกัด (มหาชน) จำนวน 207,930,700 หุ้น มูลค่า 116,441,192 บาท และแสดงข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับหนี้สินตามตั๋วสัญญาใช้เงินเลขที่ 01/2554 ลงวันที่ 1 ก.ย.2554 จำนวนเงิน 45 ล้านบาท และตั๋วสัญญาใช้เงินเลขที่ 01/2555 ลงวันที่ 27 ก.พ.2555 จำนวนเงิน 100 ล้านบาท ที่ออกให้แก่ บริษัท โชคอนันต์ก่อสร้างอุดรธานี จำกัด ห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใด ในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 3 ส.ค. 2555 ซึ่งเป็นวันที่พ้นจากตำแหน่ง ที่ปรึกษาประธานรัฐสภา ในการดำรงตำแหน่งครั้งที่ 1 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสอง
ล่าสุด นางอรพิน พิพัฒน์วิไลกุล (เจ๊หงส์) ภรรยา นายสุวิทย์ ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็น ที่ปรึกษาประธานรัฐสภา (นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์) เช่นกัน ถูกศาลฎีกาฯพิพากษาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบต่อ คณะกรรมการ ป.ป.ช.
ทั้งนี้ คำพิพากษาของศาลฎีกาฯเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2560 ระบุว่า นางอรพิน ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา ประธานรัฐสภาเมื่อวันที่ 4 ส.ค.2555 และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 2 ส.ค.2556 ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ในการเข้าดำรงตำแหน่งดังกล่าว แต่ ปกปิดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเงินลงทุนของ นายสุวิทย์ พิพัฒน์วิไลกุล คู่สมรส ในบริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) จำกัด (มหาชน) จำนวน 207,930,700 หุ้น มูลค่า 116,441,192 บาท และ แสดงข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับหนี้สินตามตั๋วสัญญาใช้เงินเลขที่ 01/2554 ลงวันที่ 1 ก.ย.2554 จำนวนเงิน 45,000,000 บาท และตั๋วสัญญาใช้เงินเลขที่ 01/2555 ลงวันที่ 27 ก.พ.2555 จำนวนเงิน 100,000,000 บาท ของคู่สมรส ที่ออกให้แก่บริษัท โชคอนันต์ก่อสร้างอุดรธานี จำกัด ป.ป.ช. ผู้ร้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้คัดค้านชี้แจงข้อเท็จจริงและเหตุผลของการไม่แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ให้ถูกต้องครบถ้วน ผู้คัดค้านมีหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงแล้ว แต่ผู้ร้องเห็นว่าข้อเท็จจริงไม่มีเหตุผลอันสมควร
ผู้ร้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้คัดค้านชี้แจงข้อเท็จจริงและเหตุผล การไม่ดำเนินการให้ถูกต้องครบถ้วน ผู้คัดค้านชี้แจงว่า ขอใช้ข้อเท็จจริงที่นายสุวิทย์ คู่สมรส ชี้แจงต่อผู้ร้อง เป็นคำชี้แจงของผู้คัดค้าน ซึ่งนายสุวิทย์ชี้แจงว่า ไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สิน เหตุที่ไม่แสดงหุ้นของบริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) จำกัด (มหาชน) เพราะไม่ใช่ หุ้นของนายสุวิทย์ แต่ปรากฏว่านายสุวิทย์ ยอมรับต่อคณะกรรมการเปรียบเทียบตามพระราชบัญญัติ ตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ว่าหุ้นที่มีชื่อบุคคลอื่นถือครองเป็นหุ้นของตน ก็เพราะต้องการเสียค่าปรับ แทนบุคคลในครอบครัวเพื่อให้เรื่องยุติ ซึ่งเมื่อพิจารณาแบบรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ เอกสารท้ายคำร้องพบว่า นายสุวิทย์เป็นผู้ยื่นรายงานการจำหน่ายหุ้นของบริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) จำกัด (มหาชน) ต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.2557 โดยระบุในรายงานว่าให้บุคคลอื่นถือแทน จึงเชื่อได้ว่าหุ้นดังกล่าวเป็นหุ้นของนายสุวิทย์ที่มอบหมาย ให้อยู่ในความครอบครองหรือดูแลของบุคคลอื่น ซึ่งผู้คัดค้านทราบถึงความมีอยู่ทรัพย์สินดังกล่าวที่ทำมา หาได้ร่วมกัน
ส่วนหนี้สินตามตั๋วสัญญาใช้เงินทั้งสองฉบับ นายสุวิทย์ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัท และเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท โชคอนันต์ก่อสร้างอุดรธานี จำกัด มีหนังสือชี้แจงต่อผู้ร้องว่า บริษัทได้รับ ชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินทั้งสองฉบับครบถ้วนแล้ว แต่นายสุวิทย์กลับมีหนังสือชี้แจงต่อผู้ร้องว่า ยังมีหนี้ค้างชำระตามตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับแรก 19,000,000 บาท และฉบับที่สอง 61,000,000 บาท หนังสือชี้แจงของนายสุวิทย์ขัดแย้งกันเอง แม้หนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวผู้คัดค้านไม่ได้เป็นผู้ออก ตั๋วสัญญาใช้เงินก็ตาม แต่เมื่อผู้คัดค้านเป็นกรรมการของบริษัท โชคอนันต์ก่อสร้างอุดรธานี จำกัด และเป็นคู่สมรสของนายสุวิทย์ เชื่อว่าผู้คัดค้านมีส่วนรับรู้หนี้สินดังกล่าว ประกอบกับผู้คัดค้านให้การรับสารภาพ จึงมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าผู้คัดค้านมีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินและหนี้สินของคู่สมรส ซึ่งการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินเป็นหน้าที่สำคัญของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ต้องปฏิบัติ อันเป็นมาตรการในการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อให้เกิดการตรวจสอบ ผู้ใช้อำนาจรัฐ จึงฟังได้ว่า ผู้คัดค้านจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบ ต่อผู้ร้อง ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีเข้ารับตำแหน่งที่ปรึกษา ประธานรัฐสภา มีผลห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมือง เป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสอง
พิพากษาว่า นางอรพิน ผู้คัดค้าน จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณี เข้ารับตำแหน่งที่ปรึกษาประธานรัฐสภา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่ง ทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปี นับแต่วันที่ 2 ส.ค.2556 ซึ่งเป็นวันที่ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งที่ปรึกษาประธานรัฐสภา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสอง ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก (คดีหมายเลขแดงที่ อม.222/2560-วันที่ 20 ธ.ค.2560 )
ตามรอยนายสุวิทย์ผู้เป็นสามี เป็นคู่แรกในสารบบคดีจงใจยื่นบัญชีฯเท็จใน ป.ป.ช. และศาลฎีกาฯ ที่ถูกพิพากษาให้มีความผิด โดยเป็นที่ปรึกษานายสมศักดิ์ทั้งสองคน
อ่านประกอบ:
ศาลฎีกาฯฟัน‘สุวิทย์’ ที่ปรึกษา‘ขุนค้อน-สมศักดิ์’ซุกหุ้น 116.4 ล.-แจ้งหนี้เท็จ 145 ล.
ป.ป.ช.ชี้มูล‘เมีย’ที่ปรึกษา‘ขุนค้อน-สมศักดิ์’ เจ้าของ 8 บริษัทพันล. ซุกบัญชีฯทั้งคู่
นักธุรกิจใหญ่ซุกบัญชีฯ! ที่แท้ที่ปรึกษา‘ขุนค้อน-สมศักดิ์ - เจ้าของ 8 บริษัทพันล.
นักธุรกิจใหญ่ที่ปรึกษาปธ.รัฐสภา-คนประกันตัว‘ขวัญชัย’11 ล.ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลซุกบัญชีฯ
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก www.thailive.net