“ศุลกากร” เข้มแบกกล้อง-โน้ตบุ๊กไปนอกต้องแจ้ง ของดิวตี้ฟรีกลับไทยต้องจ่ายอากร
อธิบดีกรมศุลฯ ออกประกาศ 2 ฉบับ ไฟเขียวสายการบิน Check Through ตรวจคน - สัมภาระสำหรับเที่ยวบินต่อเครื่องไปต่างประเทศ อีกฉบับเข้มงวดผู้โดยสาร ของติดตัวไปเมืองนอก “โน้ตบุ๊ก - กล้อง” ต้องแจ้งทุกครั้ง เว้นอากรของติดตัวไม่เกิน 2 หมื่น ถ้ามูลค่าไม่เกิน 2 แสน ชำระอากรปากระวางแบบเหมาๆ ได้ ส่วนของดิวตี้ฟรีซื้อแล้วต้องใช้เมืองนอก ถ้านำกลับเข้าประเทศต้องจ่ายอากร
วันนี้ (7 มี.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร ได้ลงนามในประกาศกรมศุลกากร 2 ฉบับ ได้แก่ ประกาศที่ 59/2561 เรื่อง “หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการปฏิบัติการศุลกากรในการตรวจปล่อยผู้โดยสารและหีบห่อสัมภาระระหว่างสนามบินภายในประเทศ โดยวิธีการ Check Through” ซึ่งใช้ในกรณีที่ผู้โดยสารเปลี่ยนเที่ยวบิน หรือโดยเที่ยวบินเดิม ระหว่างสนามบินในประเทศ เพื่อผ่านเข้ามาในหรือออกนอกราชอาณาจักร และ ประกาศที่ 60/2561 เรื่อง “การปฏิบัติพิธีการศุลกากรของติดตัวผู้โดยสารที่นำติดตัวเข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรพร้อมกับตนทางอากาศยาน” ซึ่งใช้ในกรณีสัมภาระผู้โดยสารที่นำเข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรพร้อมกับผู้โดยสารให้เป็นไปตามหลักสากล
- เปิดช่องสายการบิน Check Through เข้า-ออกนอกประเทศ ต่อเครื่องได้ทั้งคนทั้งสัมภาระ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับประกาศกรมศุลกากรที่ 59/2561 สาระสำคัญคือ สำหรับเที่ยวบินขาเข้าจากต่างประเทศ เข้ามาในประเทศไทย แล้วต่อเครื่องไปยังสนามบินอื่นในไทย ไม่ว่าเที่ยวบินเดิมหรือเปลี่ยนเที่ยวบิน ให้ศุลกากรตรวจสัมภาระที่สนามบินแห่งแรก และตรวจหีบห่อสัมภาระที่บรรทุกใต้ท้องเครื่องบิน ที่สนามบินปลายทาง โดยหากมีของต้องเสียภาษีอากร หรือของต้องกำกัด (หมายถึง ต้องได้รับอนุญาตหรือปฏิบัติให้ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด) หรือไม่แน่ใจว่าของที่นำติดตัวมาเป็นประเภทใด ให้ผ่านการตรวจที่ช่องแดง (มีของต้องสำแดง) แต่ถ้าไม่มีของต้องเสียภาษีอากร ของต้องห้าม หรือของต้องกำกัด ให้ผ่านการตรวจที่ช่องเขียว (ไม่มีของต้องสำแดง) โดยสายการบินหรือตัวแทนต้องประกาศให้ผู้โดยสารทราบก่อนเครื่องบินลงจอด และติดเครื่องหมาย International Baggage Claim ที่หน้าอกเสื้อ และนำผู้โดยสารผ่านช่องตรวจศุลกากร
สำหรับสัมภาระที่บรรทุกใต้ท้องเครื่องบิน ให้สายการบินยื่นเรื่องต่อศุลกากรประจำสนามบิน โดยจะพิจารณาความพร้อมของสนามบิน ที่สามารถควบคุมและคัดแยกผู้โดยสาร หรือหีบห่อสัมภาระ แยกระหว่างผู้โดยสารในประเทศ และที่เดินทางจากต่างประเทศอย่างชัดเจน โดยสายการบินต้องติดเครื่องหมาย CIQ (Customs - Immigration - Quarantine) บนหีบห่อสัมภาระหรือตู้คอนเทนเนอร์ เมื่อถึงสนามบินปลายทาง ให้แยกผู้โดยสารที่ทำการ Check Through ไปตามช่องทางที่กำหนด เพื่อรับหีบห่อสัมภาระที่บรรทุกใต้ท้องเครื่องบิน และผ่านการตรวจจากพนักงานศุลกากรจนเสร็จสิ้นพิธีการ
ส่วนผู้โดยสารขาออก จากสนามบินในประเทศไปยังสนามบินอีกแห่งในประเทศ เพื่อไปยังต่างประเทศ สามารถปฏิบัติพิธีการตรวจปล่อยผู้โดยสารและหีบห่อสัมภาระของผู้โดยสาร ณ สนามบินต้นทางได้ โดยสารการบินหรือตัวแทนจะต้องนำผู้โดยสารพร้อมหีบห่อสัมภาระ ซึ่งจะเดินทางไปต่างประเทศไปผ่านการตรวจจากพนักงานศุลกากร ณ จุดตรวจหีบห่อสัมภาระผู้โดยสารขาออกที่สนามบินต้นทาง จากนั้นให้สายการบินแยกผู้โดยสารออกจากผู้โดยสารภายในประเทศ โดยติดเครื่องหมาย CIQ บริเวณหน้าอกเสื้อ รวมทั้งติดเครื่องหมาย CIQ บนหีบห่อสัมภาระหรือตู้คอนเทนเนอร์ เมื่อถึงสนามบินอีกแห่งในประเทศ กรณีเปลี่ยนเที่ยวบินให้สายการบินแยกผู้โดยสารที่ทำการ Check Through ไปตามช่องทางที่กำหนดพร้อมนำหีบห่อสัมภาระบรรทุกใต้ท้องเครื่องบินที่จะนำผู้โดยสารออกนอกประเทศต่อไป
- ใครบินไปนอก แบกโน้ตบุ๊ก - กล้องถ่ายรูป ต้องแจ้งศุลกากรทุกครั้ง
ส่วนประกาศกรมศุลกากรที่ 60/2561 สาระสำคัญที่นักเดินทางจะต้องพึงรับทราบ ก็คือ กรณีเดินทางออกนอกประเทศ หากจะนำของมีค่าออกไป เช่น นาฬิกา กล้องถ่ายวีดีโอ กล้องถ่ายรูป คอมพิวเตอร์สำหรับพกพา ซึ่งมีเครื่องหมาย เลขหมายที่สามารถตรวจสอบได้ ให้แจ้งต่อพนักงานศุลกากร ณ ห้องที่ทำการศุลกากรบริเวณห้องผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ โดยต้องนำภาพถ่ายของสิ่งของที่นำมาแจ้งจำนวน 2 ชุด เจ้าหน้าที่จะมอบใบรับแจ้งของมีค่าที่ผู้โดยสารนำติดตัวออกไป เมื่อกลับมายังประเทศไทย ให้แสดงใบรับแจ้งของมีค่าต่อพนักงานศุลกากรช่องแดงในวันเดินทางกลับประเทศไทย เพื่อขอรับการยกเว้นอากรในฐานะของใช้ส่วนตัว โดยต้องเป็นของเก่าใช้แล้ว และมีจำนวนพอสมควรแก่การเดินทาง มีเครื่องหมาย เลขหมาย (Serial Number) หรือหลักฐานอื่นที่สามารถตรวจสอบได้ พนักงานศุลกากรอาจทำเครื่องหมาย หรือเลขหมายแสดงไว้เป็นหลักฐาน หากเป็นของมีค่าหรือของส่วนตัวที่ผู้โดยสารนำติดตัวไปขณะเดินทางออกนอกประเทศ ที่ใช้เป็นปกติวิสัยในระหว่างการเดินทาง หรือเครื่องประดับการแต่งกายตามปกติ ไม่ต้องแจ้งต่อพนักงานศุลกากร
- ยกเว้นอากรของติดตัวไม่เกิน 2 หมื่น - สินค้าดิวตี้ฟรี นำกลับมาต้องชำระภาษี
สำหรับผู้โดยสารขาเข้าจากต่างประเทศ ของส่วนตัวที่เจ้าของนำเข้ามาพร้อมกับตนทางอากาศยาน ที่จะสามารถได้รับการยกเว้นอากร คือ ของส่วนตัวที่เจ้าของที่นำเข้ามพร้อมกับตน สำหรับใช้เองหรือใช้ในวิชาชีพและมีจำนวนพอสมควร มีราคารวมกันไม่เกิน 20,000 บาท ให้ได้รับยกเว้นอากร รวมทั้ง บุหรี่ 200 มวน หรือ ซิการ์ หรือ ยาเส้น อย่างละ 250 กรัม หรือหลายชนิดรวมกันมีน้ำหนักทั้งหมด 250 กรัม แต่บุหรี่ต้องไม่เกิน 200 มวน, สุรา 1 ลิตร หากนำของเข้ามาเกินกว่าปริมาณที่กำหนด ให้สละการครอบครอง โดยนำไปใส่ไว้ในกล่องโปร่งใส (Drop Box) ที่ทางศุลกากรได้จัดทำไว้ด้านหน้าช่องเขียว - ช่องแดง
หากสิ่งของที่ผู้โดยสารนำติดตัวเข้ามาพร้อมกับตน (Accompained Baggage) ในวันเดินทางมาจากต่างประเทศ โดยไม่เป็นของต้องห้าม หรือของต้องจำกัดในการนำเข้า มีมูลค่ารวมกันไม่เกิน 200,000 บาท หรือเป็นของที่มีมูลค่าเกินกว่า 200,000 บาท และนำติดตัวเข้ามาเพียงชิ้นเดียว ให้อยู่ในอำนาจของพนักงานศุลกากรที่ดูแลโดยตรง จัดเก็บอากรปากระวาง ประกอบด้วย อากรขาเข้า ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีสรรพสามิต ภาษีเพื่อมหาดไทย และค่าธรรมเนียมอื่นๆ (ถ้ามี) ส่วนสินค้าปลอดภาษี (Duty Free) ของที่ซื้อจากร้านค้าปลอดอากรขาออกในเมือง หรือร้านค้าปลอดอากรภายในอาคารผู้โดยสารขาออก ณ สนามบิน จะต้องนำออกไปนอกราชอาณาจักรเท่านั้น หากนำกลับเข้ามาให้ผ่านการตรวจที่ช่องแดง (Goods to Declare) และชำระอากร
ที่มาข่าว:https://mgronline.com/onlinesection/detail/9610000022851