เปิดกฎเหล็ก “สายลับ”แฝงตัวล่อซื้อ-ล้วงตับขบวนการค้ายาเสพติด
วิธีการหนึ่งที่ตำรวจหรือหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดใช้ในการปราบปรามยาเสพติดคือ การแฝงตัวเข้าไปในขบวนการยาเสพติดเพื่อล้วงความลับหรือ “ล่อซื้อ”ยาเสพติดเพื่อเป็นหลักฐานในการจับกุม ซึ่งน้อยคนนักที่จะรู้ว่า ในการแฝงตัวเป็น “สายลับ”มีการกำหนดกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนเพื่อให้มีการควบคุมและตรวจสอบการอําพรางตัวดังกล่าว
ล่าสุดมีการประกาศใช้กฎกระทรวงกว่าด้วยการปฏิบัติการอําพรางเพื่อการสืบสวนความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2555ในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2555ซึ่งการปฏิบัติการทุกขั้นตอนในการแฝงตัวเป็น “สายลับ” เป็นเรื่องลับ
การปฏิบัติการอําพรางตามตัวเป็น “สายลับ” แบ่งเป็น 3 ประเภท
(1) การแทรกซึมหรือฝังตัวเข้าไปในข่ายงานหรือองค์กรอาชญากรรมยาเสพติดอย่างต่อเนื่องและเป็นระยะเวลานาน
(2) การล่อซื้อยาเสพติดหรือการปฏิบัติการอําพรางอย่างหนึ่งอย่างใดเป็นครั้งคราว ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
(3) การล่อซื้อยาเสพติดหรือการปฏิบัติการอําพรางอย่างหนึ่งอย่างใดซึ่งสามารถดําเนินการได้แล้วเสร็จในคราวเดียว
ในการปฏิบัติการให้ผู้ขออนุญาตดําเนินการขออนุญาตปฏิบัติการอําพรางนั้น ต้องทําเป็นหนังสือต่อผู้มีอํานาจอนุญาต(ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ หรือเลขาธิการป.ป.ส.) และระบุเหตุผล ความจําเป็น และแผนการหรือวิธีการ รวมทั้งระยะเวลาในการดําเนินการและรายละเอียดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ เจ้าพนักงานซึ่งได้รับอนุญาตให้ครอบครองหรือให้มีการครอบครองยาเสพ มีความจําเป็นต้องปฏิบัติการอําพราง ให้ถือว่าเจ้าพนักงานผู้นั้นได้รับอนุญาตให้ปฏิบัติการอําพรางและต้องดําเนินการตามที่กําหนดในกฎกระทรวงนี้ด้วย
สำหรับกรณีที่เป็นการขออนุญาตปฏิบัติการอําพรางแทรกซึมหรือฝังตัวเข้าไปในข่ายงานหรือองค์กรอาชญากรรมยาเสพติด ต้องได้รับการรับรองจากผู้บังคับบัญชา ดังต่อไปนี้
1. ผู้ขออนุญาตเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ซึ่งเป็นข้าราชการพลเรือนต้องได้รับการรับรองจากผู้บังคับบัญชาตําแหน่งตั้งแต่ผู้อํานวยการสํานัก หรือเทียบเท่าขึ้นไป
2. ผู้ขออนุญาตเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดซึ่งเป็นข้าราชการทหารต้องได้รับการรับรองจากผู้บังคับบัญชาตําแหน่งตั้งแต่ผู้บัญชาการกองพลหรือเทียบเท่าขึ้นไป
3. ผู้ขออนุญาตเป็นพนักงานฝ่ายปกครองต้องได้รับการรับรองจากผู้บังคับบัญชาตําแหน่งตั้งแต่นายอําเภอหรือเทียบเท่าขึ้นไป
4. ผู้ขออนุญาตเป็นข้าราชการตํารวจต้องได้รับการรับรองจากผู้บังคับบัญชาตําแหน่งตั้งแต่ ผู้บังคับการหรือเทียบเท่าขึ้นไป
ในการอนุญาตนั้น ผู้มีอํานาจจะพิจารณาอนุญาตปฏิบัติการอําพรางได้ เมื่อปรากฏว่าเป็นการสืบสวนความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติดในฐานผลิต นําเข้า ส่งออก จําหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจําหน่ายซึ่งยาเสพติด หรือสมคบ สนับสนุน ช่วยเหลือ หรือพยายามกระทําความผิดดังกล่าว ประกอบกับต้องมีเหตุอันควรเชื่อว่าจะได้ข้อมูลหรือพยานหลักฐานในการกระทําความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดจากการปฏิบัติการอําพราง และเป็นกรณีจําเป็นอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้
(1) เพื่อสืบสวนจับกุมผู้กระทําความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดรายสําคัญหรือผู้ที่เกี่ยวข้องเนื่องจากมีข้อมูลเกี่ยวกับพฤติการณ์ของผู้กระทําความผิดดังกล่าวตามสมควร
(2) การสืบสวนจับกุมผู้กระทําความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดด้วยวิธีอื่นกระทําได้ยากหรืออาจเกิดภยันตรายหรือความเสียหายในการปฏิบัติหน้าที่
(3) เพื่อประโยชน์ในการขยายผลการจับกุมผู้กระทําความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดที่อยู่เบื้องหลัง
ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายมีอํานาจอนุญาตปฏิบัติการอําพรางกรณีผู้ขออนุญาตอยู่ในสังกัดสํานักงานตํารวจแห่งชาติ และให้เลขาธิการ ป.ป.ส.หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายมีอํานาจอนุญาตปฏิบัติการอําพรางกรณีผู้ขออนุญาตอยู่ในสังกดสํานักงานป.ป.ส.หรือในสังกัดหน่วยงานอื่น
นอกจากนี้ ในการปฏิบัติการอําพรางหากจําเป็นต้องมีการจัดทําเอกสารหรือหลักฐานประกอบการปฏิบัติการอําพราง ให้ผู้มีอํานาจอนุญาตมีหนังสือแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอความร่วมมือในการจัดทําเอกสารหรือหลักฐานดังกล่าวและให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือดําเนินการ จัดทําเอกสารหรือหลักฐานแก่ผู้ได้รับอนุญาต
ทั้งนี้ ผู้ได้รับอนุญาตดําเนินการตามที่ได้รับอนุญาตให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลาที่ได้รับอนุญาต
ในกรณีที่มีเหตุอันสมควรผู้ได้รับอนุญาตอาจทําหนังสือเพื่อขอแก้ไขหรือเพิ่มเติมระยะเวลาหรือรายการที่ได้รับอนุญาตต่อผู้มีอํานาจอนุญาตก่อนการดําเนินการเสร็จสิ้น และหากในกรณีจําเป็นเร่งด่วนและมีเหตุอันสมควร ให้เจ้าพนักงานมีอํานาจปฏิบัติการอําพรางไปก่อนโดยไม่ต้องได้รับอนุญาตแล้วรายงานโดยระบุความจําเป็นเร่งด่วนและเหตุอันสมควร ต่อผู้มีอํานาจอนุญาตโดยเร็ว ทั้งนี้ ต้องไม่เกินสามวันนับแต่วันที่เริ่มปฏิบัติการอําพราง