ศาลชั้นต้นสั่งจำคุก 2 ผู้บริหาร “ทรานลี่” 7 ปี ยึดทรัพย์อีกกว่า 200 ล้าน
ศูนย์ข่าวภูภูเก็ต - ร่วมกับ ตร.ท่องเที่ยวภูเก็ตและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงผลดำเนินคดีเครือข่าย “ทรานลี่ ทราเวิล” เบื้องต้นศาลจังหวัดภูเก็ตพิพากษาสั่งจำคุก นายวีระชัย คำไผประพันธ์กุล และนายกฤชกร รุ่งมงคลนาม ผู้บริหาร ข้อหา “อั้งยี่” จำคุก 7 ปี 6 เดือน พร้อมยึดทรัพย์กว่า 200 ล้านบาท
เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (2 มี.ค.) ที่ห้องประชุมชั้น 2 กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รองผบก.ทท.นายสุนทรา พลไตร ผอ.ส่วนข้อมูลคดีและมาตรการพิเศษทางกฎหมาย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เจ้าหน้าที่พาณิชย์จังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าวการดำเนินคดีเครือข่าย บริษัท ทรานลี่ ทราเวิล จำกัด
พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รองผบก.ทท. กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว โดย พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ให้ดำเนินการปราบปรามการประกอบกิจการธุรกิจนำเที่ยวที่มีลักษณะ เป็นทัวร์ต้นทุนต่ำ หรือทัวร์ด้อยคุณภาพ อันเป็นการกระทำที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย โดยในปี พ.ศ. 2559 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว (เดิม) กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ได้ร่วมกันตรวจสอบพบว่า
บริษัท ไท่ลี่ หรือ ทรานลี่ เทรเวิล จำกัด และบริษัทในเครือ เป็นบริษัทที่ดำเนินการธุรกิจด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ทั้งเรือนำเที่ยว รถบัสรับส่งนักท่องเที่ยว โรงแรม ที่พัก สปา ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกครบวงจร และตรวจสอบพบว่า นายกฤชกร รุ่งมงคลนาม และนายวีระชัย คำไผ่ประพันธ์กุล ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ มีการกระทำความผิด โดยใช้บัตรประชาชนที่มิชอบด้วยกฎหมาย ดำเนินธุรกิจเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน จึงได้ขออนุมัติศาลจังหวัดภูเก็ตออกหมายจับ ในข้อกล่าวหา “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต,ใช้หรือแสดงบัตรประชาชนอันเกิดจากยื่นคำขอมีบัตรโดยมิได้มีสัญชาติไทยด้วยการปกปิดข้อความจริงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่, แจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่น หรือประชาชนเสียหาย, แจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย”
โดยนายกฤชกร รุ่งมงคลนาม ได้เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนนายวีระชัย คำไผ่ประพันธ์กุล หลบหนี ต่อมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการตรวจสอบเพิ่มเติมและได้ทำการเพิกถอนทะเบียนบริษัทในเครือข่ายทรานลี่ จำนวนทั้งสิ้น 15 บริษัท พร้อมกันนี้ได้มีการดำเนินคดีกับ นายกฤชกร รุ่งมงคลนาม และ นายวีระชัย คำไผ่ประพันธ์กุล ในความผิดเกี่ยวกับ อั้งยี่, การใช้บัตรประชาชนโดยมิชอบฯ, การแจ้งความอันเป็นเท็จฯ รวมทั้งสิ้น 22 คดี
นอกจากนี้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ได้มีคำสั่งยึดทรัพย์ ของบริษัทในเครือทรานลี่ โดยสามารถยึดรถบัส จำนวน 117 คัน เรือ จำนวน 35 ลำ และทรัพย์สินอื่นๆ รวมทั้งสิ้น 202 รายการ และได้นำทรัพย์สินขายทอดตลาดสามารถนำเงินคืนสู่แผ่นดินได้ทั้งหมด 204,894,000 บาท ใช้ระยะเวลาในการขายทอดตลาด 6 เดือน
พ.ต.อ.อาชยน กล่าวต่อว่า สำหรับผลการดำเนินการทางคดีกับบุคคลในเครือข่ายบริษัท ทรานลี่ ทราเวิล จำกัด ในปัจจุบัน ซึ่งคดีอาญา ในส่วนของนายกฤชกร รุ่งมงคลนาม ศาลตัดสินแล้วจำนวน 4 คดี ได้แก่ 1.เมื่อวันที่ 15 ก.พ.61 ศาลจังหวัดภูเก็ตพิพากษา นายวีระชัย คำไผประพันธ์กุล (หลบหนี) นายกฤชกร รุ่งมงคลนาม มีความผิดข้อหา “อั้งยี่” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 วรรคสอง (เดิม) ประกอบมาตรา 83 จำคุก 10 ปี ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง กรณีมีเหตุบรรเทาโทษ เห็นสมควรลดโทษให้จำเลยหนึ่งในสี่ตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 7 ปี 6 เดือน
2.เมื่อวันที่ 27 ต.ค. 59 ศาลจังหวัดภูเก็ตพิพากษา นายกฤชกร รุ่งมงคลนาม มีความผิดข้อหาใช้บัตรประชาชน ฯแจ้งเท็จ ตาม ป.อาญา ม.137,267, พรบ.บัตรประชาชน พ.ศ. 2526 ม.14 ว.2,4 กรรมเดียวหลายบท จำคุกกระทงละ 6 เดือน ปรับกระทงละ 60,000 บาท รวม 18 เดือนปรับ 180,000 บาท รับสารภาพลดโทษจำคุก 9 เดือนปรับ 90,000 บาท รอลงโทษ 2 ปี คุมประพฤติ 2 ปี รายงานตัว 8 ครั้ง ทำงานบริการสังคม 30 ชม. ผู้กล่าวหา นายทะเบียนราษฎรอำเภอเมืองภูเก็ต
3.เมื่อวันที่ 20 มี.ค.60 ศาลจังหวัดภูเก็ตพิพากษา นายกฤชกร รุ่งมงคลนาม มีความผิดข้อหาใช้บัตรประชาชน ฯแจ้งเท็จ ตาม ป.อาญา ม.137,267, พรบ.บัตรประชาชน พ.ศ.2526 ม.14 ว.2,4 กรรมเดียวหลายบท จำคุกกระทงละ 6 เดือน ปรับกระทงละ 10,000 บาท 7 กระทง รวม 42 เดือน ปรับ 70,000 บาท รับสารภาพลดโทษจำคุก 21 เดือนปรับ 35,000 บาท รอลงโทษ 2 ปี คุมประพฤติ 2 ปี รายงานตัว 8 ครั้ง ทำงานบริการสังคม 30 ชม. ผู้กล่าวหา นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท
4.เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 60 ศาลจังหวัดภูเก็ตพิพากษา นายกฤชกร รุ่งมงคลนาม มีความผิด ข้อหาใช้บัตรประชาชน ฯแจ้งเท็จ ตาม ป.อาญา ม.137,267, พรบ.บัตรประชาชน พ.ศ.2526 ม.14 ว.2,4 กรรมเดียวหลายบท จำคุกกระทงละ 6 เดือน ปรับกระทงละ 10,000 บาท 7 กระทง รวม 42 เดือน ปรับ 70,000 บาท รับสารภาพลดโทษจำคุก 21 เดือนปรับ 35,000 บาท รอลงโทษ 2 ปี คุมประพฤติ 2 ปี รายงานตัว 8 ครั้ง ทำงานบริการสังคม 30 ชม. ผู้กล่าวหา เจ้าท่าภูเก็ต
ด้าน นายสุนทรา พลไตร ผอ.ส่วนข้อมูลคดีและมาตรการพิเศษทางกฎหมาย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวว่า สำหรับที่ทาง ปปง.ได้ฟ้องในทางคดีแพ่ง โดยเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2560 ศาลแพ่งได้มีคำสั่ง ตามคดีหมายเลขแดงที่ ฟ.154/2560 ให้ทรัพย์สินจำนวน 202 รายการ มูลค่าประเมินประมาณ 104,646,564 บาท ของบริษัทในเครือข่ายทรานลี่ ตกเป็นของแผ่นดิน เนื่องจากมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดมูลฐานอั้งยี่ นอกจากนี้เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2561 สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ได้เข้าแจ้งความ ร้องทุกข์ ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต ให้ดำเนินคดีกับนายกฤชกร รุ่งมงคลนาม และนายวีระชัย คำไผ่ประพันธ์กุล ในความผิดฐาน “ฟอกเงิน” ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ เพิ่มเติม อีกข้อหาหนึ่ง
ที่มาข่าว:https://m.mgronline.com/south/detail/9610000021310