เช็คชื่อ'นายกอบจ.-อบต.-เทศมนตรี-พวก' ใครบ้างป.ป.ช.เชือดคดีทุจริต ยกเข่งส่งอัยการฟันอาญา
"...ในบรรดาคดีทุจริตที่ถูกชี้มูลความผิดซึ่งมีการเผยแพร่มติ ป.ป.ช. ผ่านเว็บไซต์เป็นทางการดังกล่าว มีหลายคดีที่ปรากฎชื่อผู้บริหารระดับสูงในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และพวกถูกชี้มูลรวมอยู่ด้วยจำนวนหลายราย บางรายถูกระบุว่าเป็นผู้มีอำนาจและบทบาทสำคัญในจังหวัดเหล่านั้นมีระยะเวลายาวนานหลายสิบปี..."
ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปราบการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่มติชี้มูลคดีทุจริตที่สำคัญหลายเรื่องเป็นทางการ อาทิ กรณีนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ที่ถูกชี้มูลความผิดเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงคมนาคม ในคดีทุจริตโครงการถนนปลอดฝุ่น โดย ป.ป.ช.ระบุว่า นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติ ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 มาตรา 85 (4) และ มีมูลความผิดทางอาญา ตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และ ที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 103 ประกอบมาตรา 103/1 และมาตรา 122 ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็น ไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณา โทษทางวินัย และไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญา แล้ว เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 2560 , กรณีการชี้มูลความผิดทางวินัย และอาญา กับนายเกษม กลั่นยิ่ง และคณะกรรมการบริหารกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค. บริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด นายสัมฤทธิ์ บัณฑิตกฤษดา หรือ ‘เดอะบิ๊ก’ นักธุรกิจชื่อดัง รวม 20 ราย กรณีอนุมัติซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวน 2.1 พันล้านบาท และ 400 ล้านบาท ให้บริษัท บิลเลี่ยนฯ โดยมิชอบ และเป็นการเอื้อประโยชน์ให้บริษัท บิลเลี่ยนฯ และกรณี ชี้มูลความผิดนายพายุ สุขสดเขียว สรรพากรพื้นที่สมุทรปราการ 1 นายป้อมเพชร วิทยารักษ์ นางศศิพิมพ์ บรรดาเสียง น.ส.อารีย์วรรณ เกาสุวรรณ์ เจ้าหน้าที่สรรพากรพื้นที่สมุทรปราการ และบุคคลที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐคือ นายสุวัฒน์ จารุมณีโรจน์ (อดีตสรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร) นายวีรยุทธ แซ่หลก น.ส.สายธาร แซ่หลก นายกิตติศักดิ์ อัญญโชติ และนายประสิทธิ์ อัญญโชติ กรณีร่วมกันทุจริตในการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเท็จ จำนวน 1,113,034,083 บาท
ทั้งนี้ ในบรรดาคดีทุจริตที่ถูกชี้มูลความผิดซึ่งมีการเผยแพร่มติ ป.ป.ช. ผ่านเว็บไซต์เป็นทางการดังกล่าว มีหลายคดีที่ปรากฎชื่อผู้บริหารระดบสูงในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และพวกถูกชี้มูลรวมอยู่ด้วยจำนวนหลายราย บางรายถูกระบุว่าเป็นผู้มีอำนาจและบทบาทสำคัญในจังหวัดเหล่านั้นมีระยะเวลายาวนานหลายสิบปี สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org สำรวจรวบรวมข้อมูลมานำเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบ ดังนี้
@ นายอุดรพันธ์ จันทรวิโรจน์ นายกองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดเชียงใหม่
คดีสั่งการให้วิศวกรซึ่งไม่มีอำนาจ ออกแบบ ออกแบบก่อสร้าง ต่อเติมอาคารสำนักงาน องค์การบริหารส่วนจังหวัด เชียงใหม่ โดยมิชอบ
มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ระบุว่า มีมูลความผิดฐานละเลย ไม่ปฏิบัติการตามอำนาจ หน้าที่ หรือปฏิบัติการไม่ชอบ ด้วยอำนาจหน้าที่ หรือ ประพฤติตนฝ่าฝืนความสงบ เรียบร้อยของประชาชน ตามมาตรา 79 แห่ง พระราชบัญญัติองค์การบริหาร ส่วนจังหวัด พ.ศ.2540 และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 152 และมาตรา 157 สำหรับการถอดถอนนายอุดรพันธ์ จันทรวิโรจน์ ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากนายอุดรพันธ์ จันทรวิโรจน์ ได้พ้นจาก ตำแหน่งนายกองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดเชียงใหม่ แล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะต้องส่งเรื่อง ไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 92 วรรคสามอีก ให้มีหนังสือ แจ้งผลการพิจารณาของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน และสำนักงานคณะกรรมการ การเลือกตั้ง ทราบ
สถานะคดี : ส่งรายงาน เอกสาร และ ความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาแล้ว เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 61
@ นายวิทยา ศุภศิริโภคา นายกเทศมนตรีตำบล ดอนยายหอม อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม และ นายสุรเชษฐ จำปาศรี รองนายกเทศมนตรีตำบล ดอนยายหอม อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม
คดีเรียกรับผลประโยชน์ตอบแทน ในการอนุมัติให้เบิกจ่ายเงิน และลงนามในใบถอนเงิน /เช็ค ธนาคารเพื่อจ่ายเป็นค่าจ้างเหมา โครงการก่อสร้างสะพาน คอนกรีตเสริมเหล็ก และ รื้อถอนสะพานคอนกรีต เสริมเหล็กเก่า
มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ระบุว่า นายวิทยา ศุภศิริโภคา มีมูลความผิดฐานปฏิบัติการฝ่าฝืนต่อ ความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน ละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วย อำนาจหน้าที่ หรือมีความประพฤติในทางจะ นำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ศักดิ์ตำแหน่ง หรือแก่เทศบาล หรือแก่ราชการ ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 73 - มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ส่วน นายสุรเชษฐ จำปาศรี มีมูลความผิดฐานปฏิบัติการฝ่าฝืนต่อ ความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพ ของประชาชน ละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือ ปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ หรือ มีความประพฤติในทางจะนำมาซึ่ง ความเสื่อมเสียแก่ศักดิ์ตำแหน่ง หรือแก่เทศบาล หรือแก่ราชการ ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 73 - มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86
สถานะคดี : ส่งรายงาน เอกสาร และ ความเห็นไปยังผู้มีอำนาจ แต่งตั้งถอดถอนเพื่อ เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และไปยังอัยการสูงสุด เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 60
@ นายไชยอนันต์ ปราชญาวิริยะ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายก เทศมนตรีตำบลวังสะพุง จังหวัดเลย นายชาญชัย ราชโคตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองปลัด เทศบาลตำบลวังสะพุง นางสุวรรณา นาอุดม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง เจ้าพนักงานการเงินและ บัญชี ระดับ 54. นางอรชา ศรีสวัสดิ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง เจ้าหน้าที่ธุรการระดับ 3 นางรัตนากร สีสัน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง เจ้าพนักงานพัสดุ ระดับ 3
คดีใช้เงินงบประมาณของเทศบาล ตำบลวังสะพุง ในการจัดทำ ปฏิทินปีใหม่ ประจำปี พ.ศ.2546 ไม่ตรงตาม วัตถุประสงค์ของโครงการ และไม่ปฏิบัติตามระเบียบ
มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ระบุว่า นายไชยอนันต์ ปราชญาวิริยะ มีมูลเป็นการปฏิบัติการฝ่าฝืนต่อ ความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพ ของประชาชน ละเลยไม่ปฏิบัติตาม หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ หรือมีความประพฤติในทางจะนำมา ซึ่งความเสื่อมเสียแก่ศักดิ์ตำแหน่ง หรือแก่เทศบาล หรือแก่ราชการ ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 73 และ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 90
ส่วน นายชาญชัย ราชโคตร นางสุวรรณา นาอุดม นางอรชา ศรีสวัสดิ์ นางรัตนากร สีสัน มีมูลความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไป ตามกฎหมาย ระเบียบของทาง ราชการ มติคณะรัฐมนตรี และ นโยบายของรัฐบาล โดยไม่ให้ เสียหายแก่ราชการ ตาม ประกาศคณะกรรมการพนักงาน เทศบาลจังหวัดเลย เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการ สอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์ ลงวันที่ 26 ตุลาคม 2544 ข้อ 6 วรรคหนึ่ง
สำหรับการถอดถอนออกจากตำแหน่ง ข้อเท็จจริงปรากฏว่านายไชยอนันต์ ปราชญาวิริยะได้พ้นจากตำแหน่ง นายกเทศมนตรีตำบลวังสะพุง แล้ว จึงไม่มีเหตุ ที่จะต้องส่งเรื่องไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้ง ถอดถอน เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 92 วรรคสาม อีก ให้มี หนังสือแจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน และ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งทราบ
สถานะคดี: ส่งรายงาน เอกสาร ฯไปยัง ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนและ ส่งไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อ พิจารณาโทษทางวินัย และส่งไปยังอัยการสูงสุด แล้ว เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 60
@ นายสุวิทย์ แก้วพนัส เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแม่กรณ์ อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย และ นางพิมพ์จิต ไชยมงคล
คดีอนุญาตให้เอกชนเข้าทำการขุดดิน หรือขนดินในที่สาธารณประโยชน์ โดยมิชอบ และนำดินในที่สาธารณ ประโยชน์ไปดำเนินการในโครงการ ตามสัญญาจ้างขององค์การบริหาร ส่วนตำบลแม่กรณ์ ที่ตนเป็นผู้มีส่วนได้เสีย โดยแอบอ้างชื่อบุคคลอื่นเป็นผู้รับจ้าง
มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ระบุว่า นายสุวิทย์ แก้วพนัส มีมูลความผิดฐานกระทำการฝ่าฝืน ต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพ ของประชาชน หรือละเลยไม่ปฏิบัติตาม หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและ องค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ.2537 มาตรา 92 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 มาตรา 152 และมาตรา 157
นางพิมพ์จิต ไชยมงคล มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนนายสุวิทย์ แก้วพนัส กระทำความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 264 มาตรา 265 มาตรา 266 (1) และมาตรา 268
สำหรับการถอดถอนออกจากตำแหน่ง ข้อเท็จจริงปรากฏว่า นายสุวิทย์ แก้วพนัส ได้พ้นจากตำแหน่งนายกองค์การบริหาร ส่วนตำบลแม่กรณ์ อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ไปแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะต้องส่งเรื่องไปยัง ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนเพื่อดำเนินการ ตามอำนาจหน้าที่ ตามพระราช- บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 92 วรรคสาม อีก ให้มีหนังสือแจ้งผลการพิจารณาของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ผู้มีอำนาจ แต่งตั้งถอดถอน และสำนักงาน คณะกรรมการการเลือกตั้งทราบ
ส่งรายงาน เอกสาร และ ความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เมื่อวันที่ 24 ต.ค. 60
@ นายโชคชัย พนมขวัญ นายกเทศมนตรีเมืองแพร่ จังหวัดแพร่
คดีสั่งให้ชะลอการจัดเก็บ ค่าธรรมเนียมการจอดยานยนต์ ในเขตเทศบาลเมืองแพร่ โดยมิได้เสนอเป็นเทศบัญญัติ โดยมิชอบ
มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ระบุว่า นายโชคชัย พนมขวัญ มีมูลเป็นการกระทำการฝ่าฝืนต่อความสงบ เรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน ละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบ ด้วยอำนาจหน้าที่ ตามพระราช- บัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496 และ ที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 73 และมีมูลเป็นการฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามระเบียบเทศบาลเมืองแพร่ ว่าด้วยประมวลจริยธรรมของข้าราชการ การเมืองท้องถิ่นฝ่ายบริหาร เทศบาล เมืองแพร่ พ.ศ.2555 รวมถึงมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157
สถานะคดี: ส่งรายงาน เอกสาร และ ความเห็นไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้ง ถอดถอนและไปยังอัยการสูงสุด แล้วเมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2560
@ นายชูชาติ ชูประดิษฐ์ เมี่อครั้งดำรงตำแหน่ง รองนายกเทศมนตรีเมืองสิงหนคร อ.สิงหนคร จ.สงขลา
คดีมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่ง ลงโทษปลดออกจากราชการ พนักงานเทศบาล จำนวน 6 ราย โดยมิชอบ
มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ระบุว่า นายชูชาติ ชูประดิษฐ์ มีมูลเป็นการปฏิบัติการฝ่าฝืน ต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพ ของประชาชน ละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือ ปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ หรือ มีความประพฤติในทางจะนำมาซึ่ง ความเสื่อมเสียแก่ศักดิ์ตำแหน่งหรือ แก่เทศบาลหรือแก่ราชการ ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 73 และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
ส่วนการถอดถอนออกจากตำแหน่ง ข้อเท็จจริงปรากฏว่า นายชูชาติ ชูประดิษฐ์ ได้พ้นจากตำแหน่งรองนายกเทศมนตรีเมือง สิงหนคร ในวาระของการดำรงตำแหน่ง ที่ได้กระทำความผิดนี้แล้ว ผู้มี อำนาจแต่งตั้งและถอดถอนจึงไม่อาจสั่ง ให้พ้นตำแหน่งได้อีก แต่อาจดำเนินการ ตามอำนาจหน้าที่ในประการอื่น ๆ ได้ ตามความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 1) ตามบันทึกสำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่องเสร็จ ที่ 119 - 120/2552 จึงให้ส่งเรื่อง ให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนพิจารณา ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป ตามนัยมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการประชุมครั้งที่ 423 - 81/2555 เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน2555 และ ให้แจ้งสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ทราบด้วย
สถานะคดี : ส่งรายงาน เอกสาร และ ความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญา แล้ว เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2560
@ นายดำรงค์ สิงหปรีชา นายกองค์การบริหาร ส่วนตำบลบะ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ และ นายถนอม ทองนรินทร์ ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลบะ
คดีปกปิดประกาศสอบราคา จ้างเหมาขุดลอกหนองปรือ หมู่ที่ 10 เพื่อเอื้ออำนวยให้ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ดำรงสุรินทร์ก่อสร้าง เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญา
มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ระบุว่า นายดำรงค์ สิงหปรีชา มีมูลเป็นการกระทำการฝ่าฝืนต่อความสงบ เรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือ ละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วย อำนาจหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและ องค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ.2537 และ ที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 92 และมีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐ กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือกระทำการใด ๆ โดยมุ่งหมายมิให้มี การแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอ ราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับ หน่วยงานของรัฐ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วย ความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงาน ของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 12 ประกอบ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจใน ตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหาย แก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาล หรือ เจ้าของทรัพย์นั้น และฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหาย แก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 83
นายถนอม ทองนรินทร์ มีมูลเป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้ตนเอง หรือผู้อื่นได้ประโยชน์ที่มิควรได้เป็นการทุจริต ต่อหน้าที่ราชการและฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการ โดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบของ ทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี หรือ นโยบายของรัฐบาล อันเป็นเหตุให้เสียหาย แก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามประกาศ คณะกรรมการพนักงานส่วน ตำบลจังหวัดสุรินทร์ เรื่องหลักเกณฑ์และ เงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์ และ การร้องทุกข์ ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2545 ข้อ 3 วรรคสาม และข้อ 6 วรรคสอง และ มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐ กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือกระทำการใด ๆ โดยมุ่งหมายมิให้ มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอ ราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับ หน่วยงานของรัฐ ตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคา ต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 83
สำหรับการถอดถอนออกจากตำแหน่ง ข้อเท็จจริงปรากฏว่านายดำรงค์ สิงหปรีชา ได้พ้นจากตำแหน่งนายกองค์การบริหาร ส่วนตำบลบะ แล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะต้องส่งเรื่อง ไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน เพื่อดำเนินการ ตามอำนาจหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 92 วรรคสาม อีก ให้แจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน และ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ทราบ
สถานะคดี : ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็น ไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาโทษ พางวินัยและไปยังอัยการสูงสุด ดำเนินคดีอาญา แล้ว เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 60
อย่างไรก็ดี ผู้บริหารระดับสูงในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และพวก ที่ถูกป.ป.ช. ชี้มูลความผิดในคดีต่างๆ ไปแล้ว ยังมีโอกาสต่อสู้คดีในชั้นศาล เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธ์ของตนเองในขั้นตอนต่อไป
ส่วนผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไรนั้น โปรดติดตามดูกันต่อไปอย่างใกล้ชิด