ผ่าเบื้องหลังคว่ำชื่อว่าที่ กกต. 7 ราย-สนช.สายทหาร รับโนติสผู้มีอำนาจ รีเซ็ตใหม่ยกชุด?
"...มีกระแสข่าวว่า มีสนช.บางส่วนเสนอให้โหวตไม่เห็นชอบแค่ 2 คน แต่มี "สนช.สายทหาร" แย้งว่าควรโหวตผ่านในแพ็คเดียวกันทั้งหมด เพื่อไม่ให้มีปัญหา โดยคนที่ "สนช." ลังเลกับสัญญาณจากผู้มีอำนาจ คือรายของ "ประชา" เพราะเคยทำงานหน้าห้อง "บิ๊กป๊อก" พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ "บิ๊กคสช." วางตัวให้ "ประชา" เดินเกมจัดเลือกตั้งไว้แต่แรกแต่หลังจากนั้นไม่นาน บรรดา "สนช.สายทหาร" ได้รับโนติสจากจากผู้มีอำนาจ สั่งคว่ำ รายชื่อว่าที่ กกต.ทั้ง 7 ราย พร้อมให้คำยืนยันว่ารีเซ็ตใหม่ทั้งหมด ไม่เกรงว่าคนของผู้มีอำนาจ จะได้รับผลกระทบหรือไม่..."
ปฏิทินการเมืองประเทศไทยมีอันต้องขยับอีกครั้ง เมื่อสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติโหวตคว่ำว่าที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้ง 7 คน เมื่อวันที่ 23 ก.พ.2561 ที่ผ่านมา
โดยนายฐากร ตัณฑสิทธิ มีคะแนนไม่เห็นชอบ 156 เห็นชอบ 27 งดออกเสียง 17
นายเรืองวิทย์ เกษสุวรรณ มีคะแนนไม่เห็นชอบ 175 เห็นชอบ 10 งดออกเสียง 14
นางชมพรรณ์ พงษ์เจริญ สุธีรชาติ มีคะแนนไม่เห็นชอบ 168 เห็นชอบ 16 งดออกเสียง 16
นายอิสสรีย์ หรรษาจรูญโรจน์ มีคะแนนไม่เห็นชอบ 149 เห็นชอบ 30 งดออกเสียง 21
นายประชา เตรัตน์ มีคะแนนไม่เห็นชอบ 125 เห็นชอบ 57 งดออกเสียง 86
นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี มีคะแนนไม่เห็นชอบ 128 เห็นชอบ 46 งดออกเสียง 26
นายปกรณ์ มหรรณพ มีคะแนนไม่เห็นชอบ 130 เห็นชอบ 41 งดออกเสียง 29
พลันที่ สนช. มีมติคว่ำรายชื่อว่าที่ กกต.ใหม่ ทั้ง 7 รายดังกล่าว ก็ทำเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังตามมาอย่างต่อเนื่อง
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่า กรณี สนช. โหวตคว่ำว่าที่ 7 กกต. ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ปกติ เพราะที่ผ่านมาอาจคว่ำบางรายก็พอรับได้
อย่างไรก็ตาม นายนิพิฏฐ์ ระบุว่า "ตนไม่เชื่อว่าจะเป็นเกมการยื้อเลือกตั้ง เพราะถึงไม่มีชุดใหม่ กกต. ชุดเดิมก็ทำหน้าที่แทนได้ เรื่องนี้ต้องหาสาเหตุว่าเกิดจากอะไร ตนไม่อาจรู้ได้ แต่ทั้งนี้ปัญหาที่เกิดขึ้นต่อมาคือ การสรรหา กกต. ชุดใหม่ คนที่จะมารับการสรรหาคร้วต้อไปจะทำได้ยากขึ้น เพราะ กกต. ที่ผ่านการสรรหาทั้ง 7 คน ถือว่าผ่านคุณสมบัติขั้นเทพขนาด 7 คน แรกที่ผ่านยังถูกคว่ำใครจะกล้ามารับอีก"
ส่วนนายถาวร เสนเนียม อดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ตนรู้สึกประหลาดใจ แต่ตนไม่อยากลงลึกจุดประสงค์ที่ซ่อนเร้น และขอเรียกร้องให้ สนช. ที่ลงมติไม่เห็นชอบออกมาให้เหตุผลว่าทำไมถึงไม่เห็นชอบ เขาไม่มีความสามารถหรือมีจุดบกพร่องตรงไหน การลงมติครั้งนี้ลงด้วยใจเป็นธรรมหรือรับคำสั่งใครมาทั้งนี้การลงมติถือว่าไม่เป็นธรรมกับผู้รับการสรรหาทั้ง 7 เพราะทำให้เขามีจุดด่างพร้อยถ้าเกิดไม่ได้รับการชี้แจง ตนเห็นว่ากระบวนการสรรหาครั้งต่อไปคนไม่จะไม่กล้ามารับการสรรหา
เช่นเดียวกัน นายสามารถ แก้วมีชัย อดีตส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ที่ออกมาเรียกร้องให้ สนช. ชี้แจงข้อเท็จจริงเช่นกัน "เมื่อดูมติของ สนช.แล้ว เกิดข้อสงสัยว่าใน 7 คน ไม่มีบุคคลที่เหมาะสมเลยหรือ การที่โหวตแบบนี้ สนช.ต้องอธิบายเหตุผล ถ้าไม่อธิบายเลยสังคมจะเกิดความคลางแคลงใจ และวิตกว่าครั้งหน้า สนช.จะเป็นแบบนี้อีกหรือไม่ หากเป็นแบบนี้อีก จะกระทบต่อการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน และจะส่อเจตนาว่ายื้อการเลือกตั้งแน่"
ขณะที่เบื้องหลังการคว่ำชื่อว่าที่ กกต.ทั้ง 7 ราย ที่ระบุว่า มีผลมาจากการที่ สนช. เสียงส่วนใหญ่กล่าวอ้างว่าภารกิจสำคัญของกกต.ชุดใหม่คือการเลือกตั้ง จึงอยากได้บุคคลที่มีความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ในการทำงานที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง
ซึ่งยังไม่เชื่อมั่นในฝีมือของ "อดีตว่าที่กกต." ทั้ง 7 คน
และมีอีกกระแสหนึ่งมองว่า มี 2 อดีตว่าที่กกต.สายศาล "ฉัตรไชย-ปกรณ์" มีปัญหาเกี่ยวกับการสรรหา แม้สนช.จะได้รับหนังสือยืนยันจากศาลฎีกาว่า กระบวนการสรรหาดำเนินการอย่างถูกต้อง แต่เกรงว่าจะมีผู้ไปยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยภายหลัง
และยังมีกระแสข่าวว่า มีสนช.บางส่วนเสนอให้โหวตไม่เห็นชอบแค่ 2 คน แต่มี "สนช.สายทหาร" แย้งว่าควรโหวตผ่านในแพ็คเดียวกันทั้งหมด เพื่อไม่ให้มีปัญหา
โดยคนที่ "สนช." ลังเลกับสัญญาณจากผู้มีอำนาจ คือรายของ "ประชา" เพราะเคยทำงานหน้าห้อง "บิ๊กป๊อก" พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่ากาากระทรวงมหาดไทย และ "บิ๊กคสช." วางตัวให้ "ประชา" เดินเกมจัดเลือกตั้งไว้แต่แรก
แต่หลังจากนั้นไม่นาน บรรดา "สนช.สายทหาร" ได้รับโนติสจากจากผู้มีอำนาจ สั่งคว่ำ รายชื่อว่าที่ กกต.ทั้ง 7 ราย พร้อมให้คำยืนยันว่ารีเซ็ตใหม่ทั้งหมด ไม่เกรงว่าคนของผู้มีอำนาจ จะได้รับผลกระทบหรือไม่
เบื้องต้น สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้ติดต่อไปยังนายประชา เตรัตน์ อดีตว่าที่ กกต.รายหนึ่งที่ถูกคว่ำชื่อ เพื่อสอบถามความเห็นเรื่องนี้
อย่างไรก็ดี นายประชา ระบุว่า "ผมไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะแสดงความคิดเห็น หรือวิจารณ์อะไรได้ เมื่อเขาไม่เอาผม ผมก็ขอพักผ่อนกับครอบครัว เพราะครอบครัวก็ไม่อยากให้ผมเข้าไปยุ่งอะไรอีกตั้งแต่ก่อนสมัครแล้ว"
"สนช.เขาบอกว่าผมห่วย ผมก็พร้อมยอมรับนะ แต่มาบอกว่ากลัวผมจะไม่มีประสบการณ์มันไม่ได้ เพราะผมทำงานที่กระทรวงมหาดไทย จัดการเลือกตั้งมาหลายครั้ง ผมรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรไม่ให้นักการเมืองเลวเข้ามาบริหารประเทศ แต่ก็ไม่เป็นไร พักผ่อนๆ" นายประชากล่าว
สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้สนช.จะต้องรายงานผลโหวตให้คณะกรรมการสรรหา-ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา เพื่อดำเนินการสรรหาบุคคลสมัคร "กกต.ชุดใหม่" เพื่อนำรายชื่อมาให้สนช.ลงมติให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบใหม่อีกครั้ง
ซึ่งในขั้นตอนจะต้องแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาขึ้นภายใน 20 วัน โดยนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. จะขอลดระยะเวลาในขั้นตอนดังกล่าว โดยจะใช้คณะกรรมการสรรหาชุดเดิม
จากนั้นภายใน 90 วัน จะเริ่มกระบวนการรับสมัคร ตรวจสอบคุณสมบัติ และสรรหา ก่อนส่งรายชื่อให้สนช.พิจารณา
ซึ่งสนช.จะต้องพิจารณาเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบภายใน 45 วัน และภายใน 15 วัน บุคคลที่ได้รับความเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่ง "กกต.ชุดใหม่" ต้องลาออกจากตำแหน่งเดิม
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็แล้วแต่ หากพิจารณาภาพรวมการเตรียมความพร้อมสู่การเลือกตั้งครั้งใหม่ ที่เริ่มเห็นเค้าลางมาตั้งแต่การขยับเวลาการบังคับใช้พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. จนมาสู่การโหวตคว่ำ 7 ว่าที่กกต.
แม้ "วิษณุ เครืองาม" รองนายกรัฐมนตรี จะคอยชี้แจงว่า "กกต.ชุดปัจจุบัน" ยังทำงานได้
แต่หลายฝ่ายก็ฟันธงไปแล้วว่า การเลือกตั้งครั้งใหม่ อาจจะถูกยือเวลาออกไปไกลเกินกว่าโรดแม๊ปฉบับ "อ.วิษณุ" เดิมที่กำหนดไว้ ก.พ.-มี.ค. 2562 แน่นอน
และเส้นทางหลังจากนี้ ก็ยังไม่มีใครฟันธงได้ชัดเจน ว่าจะเกิดปาฏิหาริย์ อะไรที่จะทำให้การเลือกตั้งครั้งใหม่ลากยาวออกไปไกลกว่านี้อีกหรือไม่