เกิดอะไรขึ้น! “ดัชนีคอร์รัปชันไทย” จึงพุ่งเท่ายุคก่อน คสช.
วันที่ 16 ก.พ. 2561 ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย ผอ.ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จากกรณีที่มีการแถลงของ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ถึงผลสำรวจดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชันไทยโดยรวม เดือนธันวาคม ปีที่ผ่านมา
ในประเด็นที่มีการสำรวจพบว่า 24% ที่ต้องจ่ายเงินเพิ่มพิเศษ หรือ เงินใต้โต๊ะ แก่ข้าราชการหรือนักการเมืองที่ทุจริต ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายน 2560 ที่จ่าย 18% นับว่าเป็นสัดส่วนสูงสุดในรอบ 3 ปี นับตั้งแต่ปี 2558 ว่า ดัชนีตัวนี้จะแถลงปีละ 2 ครั้ง โดยใช้แบบแถลงชุดเดิม ในช่วง 7 ปีครึ่ง ทำมาแล้วทั้งหมด 15 ครั้ง จากการดูดัชนีในช่วง 3 ปี ดีกว่าในช่วง 7 ปีแรกที่เราทำการสำรวจ แต่แนวโน้มในปัจจุบันมีสัญญานว่า ปัญหาสถานการณ์คอร์รัปชันไทย มีสัญญาณรุนแรงขึ้น ดูอัตตราการจ่ายเงินใต้โต๊ะเริ่มกลับมามากขึ้น ก่อนอื่นเราต้องยอมรับก่อนว่าในเรื่องคอร์รัปชันทั้งโลกที่เราอ้างอิงมันเป็นเรื่องของการรับรู้ มีของ ปปช.เท่านั้นที่ทางม.หอการค้าฯ ไปวางโครงร่วมกับ ปปช.ที่เรียกว่าดัชนีวัดความโปร่งใส และดัชนีวัดคุณธรรม ซึ่งวัดหน่วยงานของภาครัฐ ณ ปัจจุบันเป็นการใช้หลักฐาน การประเมินคอร์รัปชันทั้งโลก เป็นการรับรู้จากการสุ่มถามจากกลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้่น เพราะฉนั้นเวลาที่เราแปลงออกมาเป็นตัวเลข คะแนนหรือดัชนี เราต้องใช้ตัวเลขนั้นเทียบกัน ฉนั้นเมื่อเราดูตัวเลขล่าสุดเมื่อ ธ.ค.60 เทียบกับ มิ.ย.58 หรือ ธ.ค 57 ตัวเลขล่าสุดมันสูงกว่าตัวเลขในปี 58 ซึ่งจะนำไปเทียบเคียงกับ ธ.ค.57 ดังนั้นเป็นการพูดในเชิงของการเอาตัวเลขมาเที่ยบกัน
โดย จากที่มีการตีความว่าเกิดอะไรขึ้นกับ คสช. ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ดร.ธนวรรธน์ กล่าวว่า “จากการที่เราวิเคราะห์ ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลพยายามที่จะออกฏระเบียบแล้วงบลงทุนยังไม่ค่อยออก ฉนั้นใน1-2 ปีให้หลัง เพิ่งเห็นงบลงทุนเริ่มลง และโครงการใหญ่ๆ เริ่มมีการประมูลจัดซื้อจัดจ้าง การเร่งการใช้งบประมาณทั่วประเทศเริ่มเกิดขึ้น เม็ดเงินมันเริ่มเข้ามามากขึ้น จึงจึงสัญนิษฐานว่าในช่วงแรกที่รัฐบาลเข้ามาใหม่ๆ มีการป้องปรามคอร์รัปชันอย่างเข้มงวด ฉนั้นพวกที่จ้องหาช่องทางคอร์รัปชันจึงระมัดระวัง แต่ตอนนี้เขาเริ่มจับช่องทางได้แล้ว จึงเกิดสถานการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น หากตีความ คือ 1 เงินลงทุนมากขึ้น 2 มีการจับช่องโหว่ช่องทางที่จะเข้ามาคอร์รัปชันมากขึ้น”
สุดท้าย ดร.ธนวรรธน์ กล่าวว่า ตอนนี้คนไทยพร้อมร่วมมือในการป้องกันปัญหาคอร์รัปชันมากขึ้น