"ปู" ส่งทนาย ร้องศาลปค.คุ้มครองชะลอขายบ้าน อ้างคำพิพากษายังไม่ถึงที่สุด
"ยิ่งลักษณ์" ส่งทนายยื่นศาลปกครองขอคุ้มครอง งด-ชะลอการขายทอดตลาดบ้าน อ้างเหตุศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด โวยเหมือนเอาคนไปประหารก่อนตัดสิน เสียหายไปถึงเกียรติวงศ์ตระกููล
วันนี้ (8ก.พ.) นายนพดล หลาวทอง ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ายื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองของนายกรัฐมนตรีกับพวกรวม 4 คน ที่สั่งให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 3.5 หมื่นล้าน จากกรณีขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ กระทำการโดยจงใจปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และทำให้ทางราชการเสียหาย โดยขอให้ศาลปกครองมีคำสั่งให้กรมบังคับคดีงดหรือชะลอการขายทอดตลาดทรัพย์สินของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด
นายนพดล กล่าวว่า ที่มายื่นคำร้องใหม่ครั้งนี้ เนื่องจากเห็นว่า การยึดทรัพย์บังคับคดีจะต้องเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่เกิดขึ้นหลังจากศาลมีคำพิพากษา แต่กรณีนี้ยังไม่มีคำพิพากษาของศาลใดให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องรับผิดชดใช้ คำสั่งที่ให้ชดใช้เป็นเพียงคำสั่งทางปกครองที่เกิดขึ้นในสถานการณ์บ้านเมืองไม่ปกติ และมีความไม่ชอบในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การตั้งคณะกรรมการสอบสวน การสอบสวนหาความรับผิด ที่มุ่งแต่จะหาความเสียหายโดยไม่คำนึงถึงเนื้อหา การใช้อำนาจตาม ม.44 ตั้งกรมบังคับคดีขึ้นมาเพื่อบังคับแทนหน่วยงานปกติ และยังให้ความคุ้มครองโดยไม่ต้องรับผิดทางอาญา อีกทั้งเห็นว่า โครงการรับจำนำข้าวเป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับนโยบายของรัฐบาลที่อยู่ในความรับผิดชอบของคณะรัฐมนตรี ที่ต้องเป็นผู้รับผิด หากเห็นว่า การดำเนินการต่างๆ ไม่ถูกต้อง ก็ต้องเป็นอำนาจตรวจสอบของรัฐสภา ซึ่ง พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติทางการปกครองบังคับไว้ชัดเจนว่าไม่ให้นำเรื่องคำสั่งทางปกครองหรือกระบวนการทางปกครองมาใช้บังคับกับกรณีนี้
นายนพดล กล่าวอีกว่า โครงการรับจำนำข้าวเป็นโครงการสาธารณะที่ไม่อาจจะมาคิดเรื่องผลกำไร การทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็มีคำพิพากษาของศาลฎีกา แผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ว่า การทุจริตที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นการสวมสิทธิ การโกงความชื้น เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในขั้นตอนปฏิบัติ ไม่ได้เกิดขึ้นในขั้นตอนของนโยบายที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กำกับดูแล จึงเห็นว่า สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องรับผิดในทางละเมิด ดังนั้นเมื่อคำพิพากษาของศาลในกรณีให้อดีตนายกรัฐมนตรีรับผิดทางละเมิดยังไม่มี และคำสั่งทางปกครองที่ให้ชดใช้ค่าเสียหายในทางละเมิดไม่น่าจะชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่น่าจะมีความจำเป็นเร่งด่วน ที่จะต้องมายึดทรัพย์บังคับคดีในระหว่างที่ยังมีการพิจารณาคดี เพราะจะทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้รับความเสียหายยากต่อการเยียวยาในภายหลังจึงต้องมายื่นคำร้องต่อศาลปกครองอีกครั้ง
“ตอนนี้ กรมบังคับคดีได้มีการยึดทรัพย์อายัดบัญชีเงินฝากของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ทั้งหมดแล้ว ทั้งที่ทรัพย์บางส่วนเกิดจากการทำมาหาได้ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นน้ำพักน้ำแรงก่อนดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี บ้านพักอาศัยในปัจจุบัน สามีและบุตร พร้อมบริวารก็ยังอาศัยอยู่เหมือนเอาคนไปประหารก่อนมีคำพิพากษา หากภายหลังศาลมีคำพิพากษาว่าไม่ผิด จะมีการชดใช้ความเสียหายนี้อย่างไร เพราะไม่ได้เสียหายเฉพาะทรัพย์สิน แต่ยังเสียหายไปถึงเกียรติยศศักดิ์ศรีชื่อเสียงวงศ์ตระกูล ” ทนายความของน.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวและว่า ส่วนของคดีหลักก็ยังอยู่ในขั้นตอนการแสวงหาข้อเท็จจริงของศาลปกครอง ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าจะใช้เวลานานอีกเท่าใด
(ที่มาข่าว:https://mgronline.com/politics/detail/9610000013196 )