48 วันเผารถทัวร์เบตง กับข้อมูล 3 ด้านจับชาวบ้านเข้าค่ายทหาร
ผ่าน 48 วันของเหตุการณ์คนร้ายนับสิบคนพร้อมอาวุธครบมือ สวมหมวกไอ้โม่งปิดบังใบหน้า บุกจี้รถทัวร์สายเบตง-กรุงเทพฯ ขณะแล่นผ่านพื้นที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา จากนั้นไล่ผู้โดยสารลงจากรถทั้งหมด แล้วจุดไฟเผารถจนวอด ทั้งยังตัดต้นไม้ขวางถนน และโปรยตะปูเรือใบตามสูตรการก่อเหตุรุนแรงที่ปลายด้ามขวาน
เหตุการณ์นี้นับเป็นเหตุรุนแรงส่งท้ายปี เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 ธ.ค.60 ช่วงกลางแสกๆ ถือว่าสะเทือนขวัญอย่างมาก แม้คนร้ายจะไม่ได้ฆ่าหรือทำร้ายผู้โดยสารบนรถเลย แต่ก็ถือว่าเป็นเหตุการณ์อุกอาจ และสร้างความหวาดกลัวไปทั่ว
การสืบสวนคลี่คลายคดีนี้ มีความคืบหน้ามาเป็นลำดับ แต่อีกด้านหนึ่งก็มีเสียงจากชาวบ้านในพื้นที่บันนังสตาว่า เจ้าหน้าที่กวาดจับชายฉกรรจ์จากหลายหมู่บ้านไปคุมตัวและสอบสวนแล้วมากถึงกว่า 40 คน ทำให้ชาวบ้านรู้สึกหวาดกลัว บางคนแม้จะได้รับการปล่อยตัวออกมา แต่ก็ไม่กล้าอยู่บ้าน ต้องหนีออกจากพื้นที่ไปชั่วคราว
นอกจากนั้นยังมีกระแสข่าวลือว่า เจ้าหน้าที่จับกุมชายฉกรรจ์ไปเป็นจำนวนมาก ถึงขั้นบางมัสยิดทำพิธีละหมาดวันศุกร์ไม่ได้!
จากกระแสข่าวลือที่ออกมา ทำให้ "ทีมข่าวอิศรา" ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ เบื้องต้นแม้จะได้ข้อมูลข้อเท็จจริงว่า สถานการณ์ไม่ได้ร้ายแรงถึงขั้นไม่มีผู้ชายไปละหมาดวันศุกร์ แต่เจ้าหน้าที่ก็จับกุมชายฉกรรจ์ไปสอบสวนในค่ายทหารมากจริงๆ
ผู้ใหญ่บ้านแฉเหวี่ยงแหจับร่วมครึ่งร้อย!
มายิ สะมะแอ ผู้ใหญ่บ้านกาโสด หมู่ 5 ต.บันนังสตา เล่าว่า เมื่อก่อนชาวบ้านในพื้นที่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยที่เข้ามา โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ทหารที่ทำงานในพื้นที่นี้อยู่แล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เผารถทัวร์ ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่จากหน่วยอื่นเข้ามา อ้างว่าปฏิบัติตามคำสั่งของแม่ทัพภาคที่ 4 เมื่อเข้ามาก็พูดจาไม่ดี และไม่ให้เกียรติผู้นำท้องที่ ตลอดจนผู้นำศาสนา รวมทั้งมีการจับกุม มูฮำมัด ยาโฮะ ซึ่งเป็นกรรมการมัสยิดกาโสดที่ชาวบ้านนับถือ ทั้งๆ ที่ทุกคนกล้ายืนยันว่า มูฮำมัด ไม่เกี่ยวกับเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นแน่นอน
"สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เกิดผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของเจ้าหน้าที่เอง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ ทหารมาบอกว่าผู้ใหญ่ฯช่วยสร้างความเข้าใจกับชาวบ้านด้วย ผมก็พยายามช่วย บางคนที่เข้าใจ บางคนก็ไม่เข้าใจ เราก็ต้องพยายามช่วยทำให้เขาเข้าใจ"
ผู้ใหญ่ฯมายิ ย้ำว่า ชาวบ้านกาโสดและหมู่บ้านใกล้เคียงให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่มาตลอด หลังเกิดเหตุก็ไม่มีใครหนีไปไหน ฉะนั้นเจ้าหน้าที่น่าจะเข้ามาประสานเชิญตัวดีๆ เพื่อไม่ให้ชาวบ้านหวาดกลัว
"จริงๆ ชาวบ้านที่เจ้าหน้าที่สงสัย ก็น่าจะเชิญตัวไปดีๆ ชาวบ้านรู้เรื่อง เขาไม่ทำอะไร เขาไม่หนีหรอก แต่นี่มากันที ใช้กำลังเจ้าหน้าที่เป็นร้อย บางทีมามากกว่า 200 คน ชาวบ้านก็ตกใจกลัว เห็นเจ้าหน้าที่ก็ผวา ไม่กล้าไปทำงาน กลัวจะถูกจับ เพราะเห็นๆ อยู่คนที่ไม่ได้ทำอะไรก็ยังถูกจับ พวกเขาก็เลยกลัว จริงๆ แล้วกว่าชาวบ้านจะเข้าใจและให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่เหมือนช่วงก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้เวลานานมาก ประกอบกับเจ้าหน้าที่ทหารที่ทำงานในพื้นที่ก็ทำงานได้ดีด้วย แต่พอเจ้าหน้าที่หน่วยอื่นมาแค่ไม่กี่ชั่วโมง ภาพดีๆ ที่เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ทำไว้ก็เสียหายหมด ก็ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าชาวบ้านจะเข้าใจแล้วกลับมาให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เหมือนเดิมอีก"
หน่วยทหารที่รับผิดชอบพื้่นที่ อ.บันนังสตา ในปัจจุบันคือ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 33 ซึ่งชาวบ้านหลายคนยืนยันตรงกันว่าทำงานได้ดี และเข้ากับชาวบ้านได้
ผู้ใหญ่ฯมายิ ให้ข้อมูลอีกว่า ชาวบ้านบันนังสตาทั้งที่บ้านกาโสดและหมู่บ้านใกล้เคียง ถูกควบคุมตัวไปถึง 42 คน ยอดสูงสุดคือ 42 คน เป็นลูกบ้านของตน 12 คน ปล่อยตัวออกมาแล้ว 8 คน ยังถูกควบคุมตัวอีก 4 คน หนึ่งในนั้นคือ มูฮำมัด ยะโฮ๊ะ ซึ่งล่าสุดเพิ่งได้รับการปล่อยตัว ทั้งๆ ที่ได้ยืนยันไปแล้วว่า มูฮำมัดไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ ส่วนอีก 3 คน เจ้าหน้าที่อ้างว่ายอมรับสารภาพ
"ผมยืนยันกับเจ้าหน้าที่ตั้งแต่วันแรกที่มีรายชื่อมาแล้วว่า มูฮำมัด ยาโฮะ ไม่มีอะไร จากนั้นก็ไปถามเจ้าตัวและครอบครัวแบบเปิดใจเลย ถามตรงๆ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องไหม เข้าร่วมกับกลุ่มเหล่านี้ไหม เคยเผายางไหม คำตอบที่ได้คือเขายืนยันว่าเขาไม่เกี่ยว ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ผมจึงมั่นใจ และได้ยืนยันกับเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ไปตามนั้น"
"ตอนแรกเขาสงสัยเรื่องเงินที่เจอในบ้าน แต่ผมก็บอกไปว่าครอบครัวนี้เป็นครอบครัวมีฐานะ ชาวบ้านให้เขาดูแลการเงินของมัสยิด เขาไม่มีอะไรจริงๆ แต่เจ้าหน้าที่ในพื้นที่บอกว่า เขาไม่รู้เรื่อง หน่วยจากยะลาต้องการสอบ เดี๋ยวก็ได้กลับ" ผู้ใหญ่บ้านกาโสด เล่า
ยันไม่เคยถูกปลดแม้โดนกาหัว
ผู้ใหญ่บ้านคนนี้คือคนเดียวกับที่ พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 เสนอให้ฝ่ายปกครองปลดจากตำแหน่ง และตั้งกรรมการสอบสวน เพราะถือว่าบกพร่องที่ปล่อยให้เกิดเหตุเผารถทัวร์ขึ้นในพื้นที่รับผิดชอบ แต่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองระดับปลัดอำเภอแสดงท่าทีไม่เห็นด้วย จึงไม่มีการปลดเขาออกจากตำแหน่ง
"หลังเกิดเหตุมีข่าวว่าผมจะถูกปลด เพราะต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงแล้วไม่ได้ถูกปลด ตอนนี้ยังเป็นผู้ใหญ่บ้านรับผิดชอบบ้านกาโสดอยู่" ผู้ใหญ่ฯมายิ กล่าว
ที่ผ่านมา บ้านกาโสด หมู่ 5 ต.บันนังสตา เคยเกิดเหตุรุนแรงมาแล้วหลายครั้ง หลังเกิดเหตุก็จะมีเจ้าหน้าที่เชิญตัวชาวบ้านไปซักถามทุกครั้ง จากนั้นก็ได้รับการปล่อยตัว เพราะเป็นผู้บริสุทธิ์ กรณีเผารถทัวร์ล่าสุดนี้ก็เช่นกัน ทราบว่าศาลออกหมายจับแล้ว 18 คน แต่ไม่มีชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 5 บ้านกาโสดเลยแม้แต่คนเดียว
ครวญลูกชายถูกจับทั้งที่บริสุทธิ์
"ทีมข่าวอิศรา" เดินทางไปที่บ้านของ มูฮำมัด ยาโฮะ และได้พูดคุยกับ ฮามีดะห์ อาบู มารดาของเขา
"เจ้าหน้าที่มาเอาตัวลูกชายไปตั้งแต่เที่ยงคืนของวันที่ 29 ธ.ค. จากนั้นตอนเช้าก็พาลูกชายมาค้นบ้าน ค้นหลายชั่วโมงก็ไม่ได้อะไร มีแต่สมุดบันทึกของมัสยิดกับเงินที่อยู่ในถุง ซึ่งเป็นของมัสยิด เจ้าหน้าที่คืนเงินให้ แต่ไม่คืนสมุดบันทึกที่เป็นรายรับรายจ่ายของมัสยิด เราต้องทำบันทึกทุกครั้งที่มีเงินเข้าและออก จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็พาไปควบคุมตัวที่ศูนย์ซักถาม อ.หนองจิก จ.ปัตตานี (ค่ายอิงคยุทธบริหาร) กระทั่งวันที่ 4 ม.ค. ถูกส่งไปยะลา อยู่ในความดูแลของตำรวจ" ฮามีดะห์ เล่าให้ฟังถึงชะตากรรมของลูกชาย
มูฮำมัด ได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระเมื่อวันอังคารที่ 30 ม.ค.61 รวมเวลาที่ถูกควบคุมตัวประมาณ 1 เดือน โดยก่อนหน้านี้มีข่าวว่าเขายอมรับสารภาพ ทำให้ครอบครัวตกใจสุดขีด
"ตกใจมากวันที่มีคนมาบอกว่าลูกชายรับสารภาพ เจ้าหน้าที่ออกข่าวมีชื่อเลยเขาว่ายอมรับ และให้การเป็นประโยชน์ จึงให้ญาติถามเจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่ เขาก็บอกว่าลูกชายให้การเป็นประโยชน์ ฟังแล้วแทบล้มทั้งยืน พูดอะไรไม่ถูก เพราะไปถามลูกชายหลายครั้งเขาบอกตลอดว่าไม่ได้ทำ เขาจะยอมรับทำไม เขาบอกว่าถ้าจะดูหลักฐานในวันเกิดเหตุ เขาไปไหน อยู่ที่ไหน สามารถดูจากกล้องวงจรปิดได้ เพราะเขาออกจากบ้านไปโรงพยาบาลยะลา เขาไปรับแม่ยายที่โรงพยาบาลยะลา ภาพทุกกล้องต้องจับได้ว่าเขาอยู่ที่นั่นเวลานั้น" ฮามีดะห์ อ้างคำพูดของลูกชาย
อาณาจักรความหวาดกลัว?
ฮามีดะห์ เผยความรู้สึกอีกว่า ตอนนี้เห็นรถแปลกๆ เข้ามาก็ตกใจกลัว ผวาตลอด ยิ่งตื่นมาตอนดึกๆ ถ้าได้ยินเสียงรถก็จะตกใจ หัวใจเต้นแรง ขนาดพูดอยู่ตอนนี้ยังกลัว กลัวว่าเจ้าหน้าที่จะมาจับไปด้วย ขนาดลูกชายไม่ได้ทำอะไรยังโดนจับไป สงสัยนั่นสงสัยนี่ คนอื่นๆ ก็เหมือนกัน กลัวกันหมด เขาไม่ผิดแต่เจ้าหน้าที่มาสงสัย จะไม่ให้เราไม่กลัวได้อย่างไร นี่ขนาดพูดให้ข้อมูลกับนักข่าวก็ยังกลัว ไม่รู้ว่าจะมีใครมาเอาตัวไปสอบสวนหรือเปล่า
จากการสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ ทุกคนพูดตรงกันว่า แม้จะเข้าใจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่ต้องเร่งควานหาตัวคนร้ายให้ได้ แต่การกวาดจับชาวบ้านไปสอบสวนในค่ายทหารทั้งๆ ที่หลายคนไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเลย ทำให้ชาวบ้านรู้สึกหวาดกลัว และไม่เชื่อมั่นการทำงานของเจ้าหน้าที่ เนื่องจากไม่รู้ว่าจะตกเป็นเป้าหมายต้องเข้าค่ายเมื่อไหร่ แม้สุดท้ายจะได้รับการปล่อยตัวออกมา แต่ก็ต้องสูญเสียอิสรภาพ เสียเวลาทำมาหากิน ถูกมองในแง่ลบจากสังคม และยังถูกจับตาเป็นพิเศษจากเจ้าหน้าที่ด้วย
ช่วงหลังเกิดเหตุไม่นาน มีข่าวว่า 1 ในผู้ต้องสงสัยที่ถูกทหารคุมตัวไปสอบ และภายหลังได้รับการปล่อยตัวออกมา ไม่กล้ากลับไปอยู่บ้าน เพราะกลัวถูกจับซ้ำอีก จนต้องเดินทางไปอาศัยอยู่นอกพื้นที่ชั่วคราว
ผู้ต้องสงสัยรายนี้เป็นน้องชายของ ฟารีดะห์ ประดู่ ชาวบ้านกาโสด เธอเล่าให้ฟังว่า น้องชายกลับมาที่บ้านแล้ว สามารถทำงานได้ปกติหลังจากหายตกใจ แต่ก็ยังมีเจ้าหน้าที่มาวนเวียนมาแถวบ้านตลอด อย่างล่าสุดมีเจ้าหน้าที่เมาสุรา แล้วดึงผ้าคลุมผมน้องสะใภ้ที่บ้าน จึงไปแจ้งผู้กำกับการ สภ.บันนังสตา ทางผู้กำกับก็มาจับแล้วส่งเข้าคุกทหาร
"ในพื้นที่ตอนนี้เจ้าหน้าที่ยังามหาตัวผู้ต้องสงสัยอย่างต่อเนื่อง มีการตั้งด่านตรวจบริเวณจุดเกิดเหตุด้วย จากเดิมไม่เคยมี" ฟารีดะห์ กล่าว
แม่ทัพลั่นยุคนี้ไม่มี "จับแล้วปล่อย"
ทีมข่าวเนชั่นทีวี และศูนย์ข่าวอิศรา สัมภาษณ์พิเศษ พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 ถึงความคืบหน้าคดีเผารถทัวร์ และข้อกล่าวหาการกวาดจับชาวบ้านจำนวนมากทั้งๆ ที่ไม่ได้กระทำผิด จนคนในพื้นที่หวาดกลัว
"เจ้าหน้าที่เชิญตัวมาทั้งหมด 25 หรือ 26 คนไม่แน่ใจ แต่ยังมี 1 ในนั้นที่ให้การภาคเสธอยู่ ใน 26 คนนี้ยอมรับแล้วว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง 18 คน บางคนเป็นคนหิ้วกระเป๋าให้ผู้โดยสาร บางคนดูต้นทาง บางคนเป็นคนขับรถ บางคนก็บอกว่าเป็นคนหิ้วน้ำมันเมาเผา รับสารภาพหมด 18 คน"
"สำหรับชนวนเหตุที่ต้องเผารถทัวร์ ผู้เกี่ยวข้องบอกเพียงว่าได้รับคำสั่งว่าให้เผารถทัวร์เพื่อที่จะทำลายเศรษฐกิจ ซึ่งก็เหมือนที่ผมเคยพูดไว้ว่าทำทุกอย่างให้เศรษฐกิจเสียหาย ไม่ให้นักลงทุนเข้ามาลงทุน เนื่องจากเบตงเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมาก การลงทุนเยอะ เป็นเมืองที่น่าเที่ยว ชาวต่างชาติมาเที่ยว โรงแรมเต็มตลอด เขาจึงพยายามทำทุกวิถีทางให้เศรษฐกิจไม่ดี แล้วก็วินวินกัน (สมประโยชน์ทั้งสองฝ่าย) คือผู้ก่อเหตุได้เงิน ผู้ว่าจ้างก็ได้เรื่องของเศรษฐกิจไม่ดี"
"ส่วนการเชิญตัวชาวบ้าน ยืนยันว่ายุคนี้ไม่มีจับแล้วปล่อย ถ้ามีหลักฐานถึงจะไปเชิญตัวมา ถ้าไม่มีหลักฐานจะไม่ไปยุ่ง เพราะผมกำชับไปแล้วว่าให้ใช้กฎหมายนำ การทหารตาม การเมืองขยาย เพราะฉะนั้นทุกคนที่เจ้าหน้าที่ไปเชิญตัว นั่นคือมีหลักฐาน แต่ที่ให้กลับไปเพราะว่าเขาไม่ยอมร่วมมือด้วย หลักฐานไม่เพียงพอ เจ้าหน้าที่ก็จำนนด้วยหลักฐานเหมือนกัน เพราะว่าใช้กฎหมายนำ เมื่อหาหลักฐานไม่ได้ ก็ต้องให้เขากลับบ้านไป แต่ก็ต้องอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ ซึ่งส่วนใหญ่ทั้ง 18 คนก็ยอมรับหมด หลักฐานก็มีหมด เจ้าหน้าที่จึงต้องดูแลเป็นพิเศษ ส่วนที่ให้กลับบ้านไปก็ดูแลเหมือนกัน โดยเป็นความรับผิดชอบของหน่วยในพื้นที่ เพราะรู้ว่าเขาเป็นคนทำ แต่เจ้าหน้าที่ไม่มีหลักฐาน เวลาจะดำเนินคดีต้องมีทั้งเอกสาร พยานวัตถุ และพยานทางวิทยาศาสตร์ ถ้าครบทั้ง 3 อย่างถึงจะไปเชิญตัวมา" แม่ทัพภาคที่ 4 ย้ำ
ตำรวจอ้างจับ 31 คน-ปล่อยแล้วบางส่วน
ด้านข้อมูลจากฝ่ายตำรวจ พ.ต.อ.มุสตอพา มะนิ ผู้กำกับการ สภ.บันนังสตา กล่าวว่า การควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยในพื้นที่ อ.บันนังสตา ทั้งหมด นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 60 จนถึงล่าสุด มีชาวบ้านถูกควบคุมตัวทั้งสิ้น 31 ราย ในจำนวนนี้ปล่อยตัวแล้วสิบกว่าราย และยังอยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่อีกหลายราย ส่วนของตัวเลข 42 รายที่มาจากชาวบ้าน คิดว่าน่าจะเป็นข้อมูลเพิ่มเติม เนื่องจากว่าข้อมูลที่มีอยู่ตอนนี้แค่ 31 ราย
"ขณะนี้ศาลจังหวัดยะลาได้ออกหมายจับผู้ต้องหาแล้ว 18 คน ควบคุมตัวได้แล้ว 1 คน ซึ่งก็คือคนที่ยอมรับสารภาพ" ผู้กำกับการ สภ.บันนังสตา ระบุ
ทั้งหมดคือเรื่องราวหลังเหตุรุนแรงที่ไม่ค่อยมีใครได้ติดตาม ว่าเมื่อควันไฟแห่งความรุนแรงเริ่มมอดลงในแต่ละเหตุการณ์ มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง และนี่ก็คือตัวอย่างของปฏิบัติการภายใต้อำนาจของ "กฎหมายพิเศษ" ทั้งกฎอัยการศึก และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่สามารถคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ทันทีโดยไม่ต้องมีหมายจับ ซึ่งฝั่งเจ้าหน้าที่ก็มองว่าเป็นเครื่องมือที่ดีในการระงับเหตุรุนแรง แต่ข้างฝ่ายชาวบ้าน โดยเฉพาะผู้บริสุทธิ์ ย่อมได้รับความเดือดร้อนจากการใช้อำนาจลักษณะนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน
---------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 ผู้ใหญ่ฯ มายิ สะมะแอ
2 ฮามีดะห์ อาบู
3 พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช
ขอบคุณ : อัญชลี อริยกิจเจริญ ทีมล่าความจริง เนชั่นทีวี เอื้อเฟื้อสัมภาษณ์พิเศษแม่ทัพภาคที่ 4
อ่านประกอบ :
ควงปืนบุกจี้รถทัวร์เบตง-กรุงเทพฯ จุดไฟเผาวอด โค่นต้นไม้ขวางถนน!
บันนังสตาป่วน! เผารถเกรดถนนซ้ำ
ควันหลงเผารถทัวร์ ชาวบ้านแฉถูกเหวี่ยงแหจับ ต้องเผ่นพ้นพื้นที่