เปิดหมดบัญชีหนี้เงินยืม17สัญญาลูกเสือแห่งชาติ! อดีตบิ๊กประสานเสียงส่งหลักฐานครบจนท.ทำหาย?
"..ผมไม่เคยรู้มากก่อนว่า มีชื่อเป็นลูกหนี้ด้วย จนกระทั่งเมื่อปี2558 มีการแจ้งเวียนชื่อมาว่าเราเป็นหนี้ ทั้งที่ การเบิกจ่ายใช้เงินทำตามขั้นตอนทั้งหมด รายละเอียดใบเสร็จค่าใช้จ่ายก็นำส่งให้เจ้าหน้าที่การเงินหมดแล้ว อ้างว่าเอกสารหายซึ่งบุคคลที่ปรากฎชื่อเป็นลูกหนี้ ก็เจอปัญหาแบบเดียวกัน มันเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องมาก ที่ต้องกลายมาเป็นจำเลยสังคม ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ทั้งที่เราไม่ได้เป็นคนที่ทำให้มันเป็นปัญหาแบบนี้..."
ความคืบหน้าล่าสุดกรณี สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาการใช้จ่ายเงินของสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ กรณีการปรากฏชื่อลูกหนี้ระยะยาวของสำนักงานฯ เป็นอดีตผู้บริหารและข้าราชการระดับสูงในกระทรวงศึกษาธิการ จำนวนกว่า 17 สัญญา วงเงิน 3,286,952.00 บาท ซึ่งเป็นลูกหนี้เงินยืมระยะยาวค้างนาน ตั้งแต่ปี 2538 – 2552 โดยเบื้องต้นจากการตรวจสอบข้อมูลลูกหนี้ระยะยาวทั้ง 17 สัญญา พบว่า บุคคลที่ปรากฏชื่อเป็นลูกหนี้ระยะยาว มีจำนวน 11 ราย รายการยืมเงินส่วนใหญ่นำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายเดินทางไปร่วมกิจกรรมต่างๆ ใช้จัดงาน งานเลี้ยงรับรอง ค่าของที่ระลึก เป็นต้น ขณะที่สัญญารายการยืมเงินเฉลี่ยวงเงินต่ำสุดอยู่ที่ 20,000 บาท สูงสุดอยู่ที่ 1,198,633 บาท (อ่านประกอบ : เจาะข้อมูลหนี้ลูกเสือแห่งชาติ17สัญญา3.2ล.!ชื่ออดีตผอ.-ขรก.โผล่11ราย คนเดียวยืมเป็นล้าน)
สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า ในวันที่ 30 ม.ค.2561 ที่ผ่านมา ได้ติดต่อไปยังอดีตผู้บริหารสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ และข้าราชการระดับสูงในกระทรวงศึกษาธิการ ที่ปรากฎชื่อเป็นลูกหนี้เงินยืมระยะยาว ทั้ง 17 สัญญา หลายคนเพื่อขอให้ชี้แจงข้อเท็จจริงปัญหาที่เกิดขึ้น
โดยอดีตผู้บริหารระดับสูงสำนักงานลูกเสือแห่งชาติรายหนึ่ง ให้ข้อมูลชี้แจงกับสำนักข่าวอิศรา แต่ขอไม่เปิดเผยชื่อ-นามสกุล ระบุว่า ตนปรากฎชื่อเป็นลูกหนี้เงินยืมระยะยาว จำนวน 3 สัญญา เป็นลูกหนี้รายเดียวจำนวน 2 สัญญา และเป็นลูกหนี้รวมกับบุคคลอื่นอีก 1 สัญญา รวมวงเงินกว่า 430,000 บาท
"ได้เห็นข่าวที่สำนักข่าวอิศรานำเสนอแล้ว และขอยืนยันว่าการยืมเงินไปใช้ทำกิจกรรมต่างๆ โปร่งใส ไม่มีปัญหาเรื่องการทุจริตอย่างแน่นอน ในส่วนกิจกรรมหรือโครงการต่างๆ ที่ปรากฎชื่อตนเป็นลูกหนี้ มีการยืมเงินไปใช้ในการดำเนินงานจริง และเมื่อดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็มีการนำส่งเอกสารหลักฐานทุกฝ่ายให้กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินไปทั้งหมด แต่ก็ไม่ทราบว่าเขาไปดำเนินการบกพร่องอะไรตรงไหนถึงทำให้มีปัญหาเรื่องนี้เกิดขึ้น"
"ผมไม่เคยรู้มากก่อนว่า มีชื่อเป็นลูกหนี้ด้วย จนกระทั่งเมื่อปี2558 มีการแจ้งเวียนชื่อมาว่าเราเป็นหนี้ ทั้งที่ การเบิกจ่ายใช้เงินทำตามขั้นตอนทั้งหมด รายละเอียดใบเสร็จค่าใช้จ่ายก็นำส่งให้เจ้าหน้าที่การเงินหมดแล้ว อ้างว่าเอกสารหายซึ่งบุคคลที่ปรากฎชื่อเป็นลูกหนี้ ก็เจอปัญหาแบบเดียวกัน มันเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องมาก ที่ต้องกลายมาเป็นจำเลยสังคม ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ทั้งที่เราไม่ได้เป็นคนที่ทำให้มันเป็นปัญหาแบบนี้"
"หลังจากได้รับหนังสือแจ้งมาว่าเราเป็นหนี้ พอเราชี้แจงไป ทางสำนักงานลูกเสือแห่งชาติก็ได้สอบถามวิธีการเพื่อที่จะเคลียร์ตรงนี้อยู่ ไม่แน่ใจว่าเขาปรึกษากรมบัญชีกลางหรือไม่ ก็ได้รับคำแนะนำมาถึงวิธีการดำเนินการ ก็ให้ความร่วมมือในการเคลียร์ จะทำเอกสารใหม่ จะแจ้งความหาย จะอย่างไร ก็ดำเนินการไปตามที่สำนักงานลูกเสือแห่งชาติขอความร่วมมือมา ผมก็ชี้แจงได้แค่นี้ แต่หลักฐานผมก็ไม่รู้ว่าจะหาได้ขนาดไหน อย่างประเด็นที่ผมไปเข้าร่วมงานประชุมที่สิงคโปร์ หลักฐานที่มีก็คือ เกียรติบัตรและมีรูปถ่ายว่าเราไปเข้าร่วมจริง แต่เขาก็บอกว่ามันไม่ใช่หลักฐานการเคลียร์เงิน”
อดีต ผู้บริหารสำนักงานลูกเสือแห่งชาติรายนี้ ยังระบุด้วยว่า การที่สำนักข่าวอิศรา นำข้อมูลเรื่องนี้มาเปิดเผยถือเป็นเรื่องที่ดี จะได้ทำเรื่องนี้ให้มีความชัดเจน จะได้มีทางออก พวกเราที่ปรากฎชื่อเป็นลูกหนี้ จะได้หลุดพ้นข้อครหา ที่ตกเป็นจำเลยสังคมเสียที"
"ปัญหาที่เราพบอยู่ขณะนี้ เป็นปัญหาของเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน เอกสารที่ส่งไปแล้วทำไมถึงไม่ไปเคลียร์ให้ กลายเป็นว่ายังเป็นลูกหนี้เงินยืมค้างอยู่ในระบบอยู่ หากถามหลายๆ คนคงตอบไม่ต่างจากผม กลายเป็นว่าความซวยมาเยือนพวก ผมก็ไม่ตอบว่าทุกคนนะ เพราะผมก็ไม่รู้ว่าคนอื่นเขามีปัญหาอะไรหรือไม่ แต่คนที่ผมรู้จักก็เคลียร์หมดแล้ว"
ขณะที่อดีตข้าราชการระดับสูงในกระทรวงศึกษาธิการ ที่ปรากฎชื่อเป็นลูกหนี้เงินยืมระยะยาวอีกรายหนึ่ง ชี้แจงว่า "ผมเคลียร์หมดเรียบร้อยแล้วก่อนเกษียณเมื่อปี 2552 รายละเอียดผมจำไม่ได้ ก่อนเกษียณตอนนั้นผมได้รับการแต่งตั้งจากปลัดกระทรวงศึกษาธิการเป็นเลขาธิการคณะกรรมการสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ ประมาณสัก 3 ปี ถ้าจำไม่ผิด แล้วผมก็ยืมเงินก้อนหนึ่งไม่เท่าไร ซึ่งหลังจากเกษียณก็มีรองปลัดกระทรวงฯ ที่เป็นเลขาธิการคณะกรรมการสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ ต่อมาอีกหลายคนถัดจากผม เพราะฉะนั้นถ้ามีปัญหาเขาก็จะต้องเรียกหรือแจ้งให้ผมดำเนินการ แต่หลังจากนั้นมันไม่มีการดำเนินการอะไรเลย เพราะว่าผมเคลียร์ก่อนที่ผมเกษียณทุกเรื่องไม่เฉพาะเรื่องลูกเสือ หลังเกษียณผมต้องไม่มีภาระติดตัว”
เช่นเดียวกับ อดีตผู้บริหารระดับสูงในสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่ง ที่ปรากฎชื่อเป็นลูกหนี้เงินยืมระยะยาวเช่นกัน ชี้แจงว่า “ผมจัดการไปเรียบร้อยหมดแล้วครับ ให้หลักฐานไปหมดเรียบร้อยแล้วครับ ตั้งแต่ปีนั้นที่จัดงานปี 2548 ผมจ่ายไป 3 แสนกว่า แต่ผมเบิก 3 แสน มีงบให้เท่านั้น ผมมีพยานบุคคลหลายท่านเลย เมื่อสองสามปีที่แล้วก็เคลียร์ไปแล้ว กับสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ เดี๋ยวผมจะค้นเอกสารให้ เห็นข่าวแล้วก็ไม่ค่อยสบายใจ ผมไม่เคยมีความด่างพร้อยเรื่องพวกนี้เลยตั้งแต่ทำงานมา"
สำนักข่าวอิศรารายงานเพิ่มเติมว่า ล่าสุดจากการตรวจสอบเอกสารสัญญาลูกหนี้เงินยืมระยะยาว ทั้ง 17 สัญญา วงเงิน 3,286,952.00 บาท พบว่า มีอดีตผู้บริหาร สำนักงานลูกเสือแห่งชาติบางราย ปรากฏชื่อเป็นลูกหนี้เงินยืมระยะยาวจำนวนถึง 8 สัญญา รวมวงเงินกว่า 679,680 บาท (ดูเอกสารประกอบ)