"อัยการ"นัดกปปส.อีก 34 คนสั่งคดี 14 มี.ค.นี้
"อัยการ"นัดกปปส.อีก 34 คนสั่งคดี 14 มี.ค.คนที่หลักฐานไม่ชัดเหตุขัดข้องให้รีบส่งเอกสารแจงด่วน"วิญญัติ"ตั้งข้อสังเกตเหตุผลไม่ชัด 22 คน ต้องตรวจสอบเลี่ยงคดีหรือไม่
วันที่ 24 ม.ค. 2561 แหล่งข่าวอัยการ กล่าวถึงกรณีกลุ่มแกนนำและแนวร่วมกปปส. อีก 34 ราย ที่ยังไม่มารายงานตัวเพื่อฟังคำสั่งฟ้องคดีในวันนี้ว่า หลังจากที่ผู้ต้องหาทั้ง 34 รายได้มีหนังสือแจ้งขอเลื่อนเข้ามาด้วยหลายเหตุผลแตกต่างกันไป ล่าสุดคณะทำงานอัยการที่มีนายชาติพงษ์ จีระพันธุ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษซึ่งเป็นหัวหน้าคณะทำงานคดี กปปส.นี้ ร่วมพิจารณากันแล้วเห็นว่าจะต้องให้ผู้ต้องหายื่นเอกสารมาแสดงเพิ่มเติมชี้แจงเหตุจำเป็นก่อน ดังนั้นจึงแจ้งผู้ต้องหาทั้งหมดต้องยื่นเอกสารเข้ามาเพิ่มโดยไม่ล่าช้า เพื่ออัยการจะพิจารณาแล้วนัดให้มารายงานตัวเพื่อสั่งคดีทันกับคดีที่ศาลอาญานัดพร้อม 9 แกนนำ กปปส.ในวันที่ 19 มี.ค.ที่ฟ้องไปแล้ววันนี้ เพราะคดีเนื้อหาเดียวกันพยานหลักฐานก้อนเดียวกัน
โดยคดีที่ฟ้อง 9 แกนนำนี้เราจะไม่ขอศาลรวมกับคดีที่ได้ยื่นฟ้องนายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม , นายสกลธี ภัททิยกุล , นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ , อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และนายเสรี วงศ์มณฑา 4 แกนนำไปก่อนหน้านี้แล้วเมื่อปี 2557 เนื่องจากสำนวนนั้นศาลได้สืบพยานโจทก์ใกล้เสร็จสิ้นแล้ว แต่ในส่วนของผู้ต้องหาที่เหลือ 34 คนนี้อัยการจะพยายามรวมฟ้องไปทั้งหมดกับ 9 แกนนำเพราะเนื้อหาและหลักฐานเป็นก้อนเดียวกันก็จะได้ไม่ต้องแยกสืบพยานทำให้เสียเวลาไปอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ดีจนกระทั่งสิ้นสุดเวลาราชการ 16.30 น. ก็ไม่ปรากฏว่าในแกนนำ หรือแนวร่วม กปปส. จำนวน 34 คน จะมาพบอัยการเพิ่มเพื่อฟังคำสั่ง ซึ่งมีรายงานแจ้งในกลุ่มผู้ต้องหาบางส่วนที่มีความชัดเจนเกี่ยวกับเหตุผลที่ขอเลื่อนนัดแล้ว อัยการได้นัดให้มารายงานตัวเพื่อฟังคำสั่งในวันที่ 14 มี.ค.นี้ ส่วนที่ยังต้องรอเอกสารชี้แจงเพิ่มเติมก็ให้เร่งดำเนินการเพื่อให้นัดรายงานตัวได้พร้อมกันทั้งหมด
นายวิญญัติ ชาติมนตรี เลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิเสรีภาพ (สกสส.) และทนายความของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ซึ่งเป็น 1 ในผู้กล่าวคดี กปปส. กล่าวภายหลังที่อัยการยื่นฟ้อง 9 แกนนำ กปปส.ต่อศาลอาญาแล้วว่า ตนติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดและได้ตรวจสอบข้อมูลพบว่า วันนี้มีผู้ต้องหาที่เหลือ 34 คนที่ขอเลื่อนการมาพบอัยการ โดยมีหลักฐานประกอบการเลื่อนมายื่นว่าติดกิจธุระเพียง 12 คน ที่เหลือ 22 คนขอเลื่อนโดยไม่มีหลักฐานหรือเหตุอันสมควร เช่น นางอัญชะลี ไพรีรักษ์ , น.ส.จิตภัสร์ หรือตั๊นกฤดากร , นายสุริยะะใส กตะศิลา
จึงขอเรียกร้องให้อัยการเร่งพิจารณาตรวจสอบเหตุที่ทั้ง 22 คนไม่มาตามนัดมีเหตุผลใด และต้องแสดงหลักฐานต่ออัยการ เพราะที่ผ่านมาดีเอสไอและอัยการเคยนำเหตุไม่ให้เลื่อนนัดไปขอศาลอาญาออกหมายจับกับบุคคลอื่นมาแล้ว คดีนี้ก็เช่นกันบางคนอ้างว่าเดินทางไปสิงคโปร์ ทั้ง ๆ ที่ทราบนัดล่วงหน้านานแล้ว มีเจตนาหลบเลี่ยงคดีหรือไม่
"ขอให้อัยการที่รับผิดชอบสั่งการดีเอสไอไปนำตัวผู้ต้องที่เหลือมาฟ้องต่อศาลอาญาโดยเร็ว ยิ่งช้ายิ่งเป็นเรื่องสงสัยถึงมาตรฐานและอาจถูกตั้งคำถามว่าอภิสิทธิ์ชนในสังคมไทยมีได้เฉพาะบางคนหรือไม่ นี่จะกลายเป็นความแตกแยกจากการใช้อำนาจรัฐอีก"