ส่องรีวิวร้านมาเลศ'ภรรยาอุดมเดช' ก่อนโชว์รายได้9.5ล.-เพิ่งเปิด2ปี?-อภิสิทธิ์ก็เคยไป
"...ในข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกระบวนการตรวจสอบ ป.ป.ช. สามารถดำเนินการได้ โดย 1.เรียกดูบัญชีรายรับรายจ่ายของร้านอาหารย้อนหลัง ดูต้นทุนรายการสั่งซื้อวัตถุดิบ อาหารและเครื่องดื่มต่างๆ รายได้ที่เข้ามาแต่ละวัน 2. เรียกดูข้อมูลการเสียภาษีของ นางวิภาดา รวมถึงข้อมูลเงินฝากในบัญชีธนาคาร และ 3. เชิญตัว นางวิภาดา และพนักงานในร้านอาหาร มายื่นยันข้อมูลเพิ่มเติม หาก ป.ป.ช. เข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้ อย่างเอาจริงจัง เชื่อว่าน่าจะทำให้สาธารณชนได้รับทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้มากขึ้นไม่ยากเย็นนัก..."
นับจนถึงเวลานี้ สาธารณชนคงได้รับทราบข้อมูลกันไปแล้วว่า ในการแจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้ ของ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ช่วงพ้นตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ระบุว่า นางวิภาดา สีตบุตร คู่สมรส มีเงินลงทุนจากร้านมาเลศ คอฟฟี่ แอนด์ เบเวอเรช จำนวน 1,566,058 บาท, เงินลงทุน บริษัทมาเลศ ฟู้ด จำกัด จำนวน 1,400,000 บาท และรายจ่ายจากร้านมาเลศจำนวน 8,820,201 บาท รวมวงเงินทั้งสิ้น 11,786,259 บาท
ขณะที่ ในส่วนของร้านมาเลศ แจ้งว่ามีรายได้ เป็นจำนวนเงิน 9,564,587 บาท
อย่างไรก็ดี ในการแจ้งข้อมูลบัญชีทรัพย์สินดังกล่าว มิได้ระบุข้อมูลที่ชัดเจน อาทิ วันที่เริ่มเข้าไปลงทุนในร้านมาเลศ ตัวเลขรายได้ร้านมาเลศ จำนวน 9,564,587 บาท ที่แจ้งไว้กับ ป.ป.ช. เป็นรายได้รายปี หรือรายเดือน โดยในเบื้องต้นหากคิดเป็นรายได้รายเดือน ถ้านำตัวเลขรายได้ 9,564,587 บาท มาคำนวน 12 เดือน จะเฉลี่ยตกอยู่ที่เดือนละ 797,048.917 บาท (อ่านประกอบ : แกะรอยเงินลงทุนร้านอาหารใหม่ 'ภรรยา'อุดมเดช- ปริศนาโชว์รายได้ 9.5 ล.ขายดีมาก? , เช็ครายจ่าย 'อุดมเดช'พ้น รมช.กลาโหม ซื้อที่หนองจอก12 ล.-ทุบกระปุกทำกิจการเพียบ!)
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบข้อมูลรีวิวร้านอาหารแห่งนี้ ที่ปรากฎอยู่ในโลกออนไลน์ พบว่า เป็นร้านอาหารที่ได้รับความนิยมร้านหนึ่งในกทม.
ข้อมูลจาก Wongnai ระบุว่า อาหารอร่อย บริการเยี่ยม ข้อมูลช่วงราคา ฿฿ (101 - 250 บาท) จำนวนที่นั่ง 41 - 80 ที่นั่ง เวลาเปิดร้าน ทุกวัน: 09:30 - 22:00 น. อาหารที่ถูกจัดว่าเป็นเมนูเด็ด ได้แก่ ไข่ตุ๋นหม้อไฟ, สลัดฝักทองญี่ปุ่น และ ข้าวซอยไก่ (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://www.wongnai.com/restaurants/221511NY-malase?ref=ct)
เช่นเดียวกับข้อมูลใน เพจเฟซบุ๊กของร้าน ที่ใช้ชื่อว่า Malase Coffee & Baverage ก็มีลูกค้าที่เข้าไปใช้บริการกล่าวแสดงความชื่นชม ในรสชาติของอาหารและบริการเช่นกัน
ขณะที่รีวิวของ ลูกค้า ที่ปรากฎอยู่ใน Google ระบุข้อมูลของร้าน และ ภาพถ่ายประกอบไว้น่าสนใจมากมาย อาทิ
"เป็นร้านอาหารเล็กๆที่เริ่มต้นมาจากอยากเปิดร้านขายขนมและกาแฟ แต่พอเริ่มทำอาหารประเภทจานเดียวปรากฏว่ารสชาดอร่อย ก็เริ่มเป็นที่นิยม และมีอาหารที่สั่งมาทานกันหลายๆคนได้ด้วย ที่ชั้น3 มีห้องprivate แบบส่วนตัวหนึ่งห้อง มาทานได้ประมาณ 10 คน อาหารแนะนำ ข้าวซอย อาหารผรั่ง อาหารไทย ประเภทสั่งมาทานแกล้มไวน์ก็ใช้ได้ และอย่าลืมปิดท้ายด้วยขนม ปัจจุบันเท่าที่ทราบหากลูกค้ามาเป็นกลุ่มอยากได้คาราโอเกะ หรือดนตรีเล่นสดๆประเภทไวโอลินก็สามารถแจ้งล่วงหน้าเพื่อให้ทางร้านจัดเตรียมไว้ให้ได้ด้วย"
"ร้านน่ารัก พนักงานบริการสุภาพ กาแฟอร่อยดีค่ะ"
"อาหารอร่อย ราคาแอบแพงนิดนึง บรรกาศร้านน่ารัก"
นอกจากนี้ ยังมีภาพถ่ายคนดังที่เคยเข้าไปรับประทานอาหารปรากฎรวมอยู่ด้วยเช่น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นต้น (ดูภาพประกอบ)
จากการสืบค้นข้อมูลพบว่า ในช่วงเดือนเม.ย.2560 นางวิภาดา เคยให้สัมภาษณ์กับฐานเศรษฐกิจ เกี่ยวกับแนวคิดการทำธุรกิจร้าน Malase Coffee & Baverage ว่า ตั้งชื่อร้านดังกล่าวเพื่อให้มีเรื่องราวเพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้า โดยชื่อ “MALASE” อ่านว่า มาเลศ หมายถึง แมวโคราชหรือแมวสีสวาท มีนัยยะถึง ความรัก โชคลาภ และสมบูรณ์ โดยแมวพันธุ์นี้มีความผูกพันกับคนไทยมาอย่างยาวนานทั้งประเพณีและความเชื่อ มีอุปนิสัยที่ร่าเริง ฉลาด และจดจำได้อย่างแม่นยำ คล้ายกับเจ้าของร้าน
เนื้อหารายงานยังระบุว่า "สำหรับความโดดเด่นของอาหารและขนมหวานของทางร้านมาเลศนั้นประกอบไปด้วย “ความสดใหม่ ความสร้างสรรค์และความสุขใจ” โดยในแง่ของความสดใหม่คุณแมวกระซิบให้เราฟังว่า เครื่องเทศและวัตถุดิบจำพวกเนื้อสัตว์สดใหม่ คือหัวใจสำคัญในการสร้างความกลมกล่อมของอาหารจานเด็ด โดยเฉพาะเมนูยอดฮิตอย่างข้าวซอยที่นำสูตรต้นตำรับจากท้องถิ่นล้านนามาปรุงแต่งให้ถูกลิ้นคนกรุงได้อย่างเพลิดเพลิน ต่อเนื่องสู่มิติความสร้างสรรค์ เมนูข้าวซอยดังกล่าวได้นำเอากุ้งใหญ่มาเป็นพระเอกหลักในการสร้างความแตกต่าง ไม่เพียงเท่านั้นยังมี กุ้ง ไก่ เนื้อและกระดูกหมู เป็นทางเลือกความหลากหลายของข้าวซอยได้อย่างเหมาะสม เสริฟ์พร้อมกับผักกาดดองคลุกน้ำตาลสูตรเด็ดจากทางร้านในการเพิ่มความอร่อย อย่างไรก็ดีนอกจากเมนูดังกล่าวยังมีอาหารอีกหลายจานที่ทางร้านได้นำมา “ฟิวชั่น” ไม่ว่าจะเป็น เนื้ออะคิตะเนื้อสายพันธุ์ดีจากญี่ปุ่น ปรุงแต่งเป็นสเต็กจานโปรดในราคาที่เข้าถึงได้ หรือจะเป็นหมูกรอบที่นำมาปรุงแต่งเป็น “ส้มตำถั่วฝักยาวหมูกรอบ” โดยหมูกรอบจากร้านได้ตั้งใจทำในทุกกระบวนด้วยความพิถีถัน ส่งผลให้การขบเคี้ยวในทุกคำอิ่มเอมไปด้วยเสียงอันไพเราะและนุ่มลิ้นชวนหลงไหล"
"สำหรับอาหารหวานแม้คุณแมวจะยอมรับว่าเดิมนั้นตนเองไม่มีทักษะในด้านนี้ แต่ทว่าการเป็นคนไม่หยุดนิ่งด้านการเรียนรู้ อาศัยการจดจำที่แม่นยำคล้ายกับแมวมาเลศ ได้ตกผลึกการเรียนรู้การทำอาหารหวานจำพวกเค้กและคุ๊กกี้ผ่านช่องทาง Youtube ทำให้ในปัจจุบันทางร้านเพียบพร้อมไปด้วยเมนู เค้กส้ม เค้กช็อคโกแล็คหน้านิ่ม รสชาติหอมอร่อยครบเครื่อง รวมถึงเมนูขนมหวานสุดฮิตอย่าง “ฮันนี่โทสต์” เป็นต้น เกิดเป็น ความสุขใจ ของผู้รังสรรค์และผู้ลิ้มรสภายใต้บรรยากาศที่แวดล้อมไปด้วยอาหารตาและความน่ารักของตุ๊กตาแมวรูปแบบต่างๆ ตัวแทนความรักที่บิ๊กโด่งซื้อมาฝากภรรยาจนกลายเป็นของสะสม และเป็นองค์ประกอบหลักในการตกแต่งร้านในทุกวันนี้" (อ่านประกอบใน http://www.thansettakij.com/content/142805)
อย่างไรก็ตาม เนื้อหารายงานชิ้นนี้ ไม่ได้ให้ข้อมูลทางธุรกิจของร้านว่า ตั้งเมื่อตั้งแต่เมื่อไร มีรายได้เฉลี่ยต่อวัน หรือต่อเดือนเท่าไร รวมถึงเม็ดเงินที่ใช้ในการลงทุนด้วย
ขณะที่ในการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลร้านมาเลศ ของสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ล่าสุดในช่วงค่ำวันที่ 20 ม.ค.2561 ได้รับการยืนยันจากพนักงานในร้านว่า เปิดบริการมานานราวๆ 2 ปีแล้ว ซึ่งจากข้อมูลที่ได้รับมาล่าสุด หากนำตัวเลขรายได้ 9,564,587 บาท มาคำนวนช่วงเวลา 24 เดือน จะพบว่า ร้านอาหารแห่งนี้ อาจมีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 398,524 บาท
แต่อย่างที่ระบุไปในตอนต้น ว่า ในการแจ้งข้อมูลบัญชีทรัพย์สินดังกล่าว มิได้ระบุข้อมูลที่ชัดเจน อาทิ วันที่เริ่มเข้าไปลงทุนในร้านมาเลศ ตัวเลขรายได้ร้านมาเลศ จำนวน 9,564,587 บาท ที่แจ้งไว้กับ ป.ป.ช. เป็นรายได้รายปี หรือรายเดือน จึงทำให้ยังไม่สามารถฟันธงข้อเท็จจริงตรงนี้ได้
ซึ่งในข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกระบวนการตรวจสอบ ป.ป.ช. สามารถดำเนินการได้ โดย 1.เรียกดูบัญชีรายรับรายจ่ายของร้านอาหารย้อนหลัง ดูต้นทุนรายการสั่งซื้อวัตถุดิบ อาหารและเครื่องดื่มต่างๆ รายได้ที่เข้ามาแต่ละวัน 2. เรียกดูข้อมูลการเสียภาษีของ นางวิภาดา รวมถึงข้อมูลเงินฝากในบัญชีธนาคาร และ 3. เชิญตัว นางวิภาดา และพนักงานในร้านอาหาร มายืนยันข้อมูลเพิ่มเติม
งานนี้ หาก ป.ป.ช. เข้ามาตรวจสอบอย่างเอาจริงจัง เชื่อว่าน่าจะทำให้สาธารณชนได้รับทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้มากขึ้นไม่ยากเย็นนัก โดยเฉพาะที่มาของจำนวนเงิน 9,564,587 บาท ที่ถูกแจ้งไว้ในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้ของ พล.อ.อุดมเดช และคู่สมรส ว่าเป็นรายได้จากร้านอาหารแห่งนี้จริง
ไม่ได้อยู่ๆ เงินจำนวนนี้ ก็โผล่พรวดมา โดยไม่มีปี่มีขลุ่ย แบบที่เห็นและเป็นอยู่ในขณะนี้?