"ผอ.สามเสนฯ"ผิดวินัยร้ายแรงก.พ.นี้รู้ผลไล่-ปลดออก
"โกศล" เผยผลเบื้องต้น"ผอ.สามเสนฯ" ผิดวินัยร้ายแรงกรณีคลิปรับแป๊ะเจี๊ยะชี้ชัดโทษปลดออก-ไล่ออก ก.พ.นี้อีก2รายยังไม่เปิดเผย ระบุรับทราบข้อกล่าวหา มีเวลา15วันโต้แย้ง
หลังจากผู้ปกครองเผยแพร่คลิปผู้บริหารโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย เรียกรับเงิน 4 แสนบาท เพื่อรับเด็กเข้าเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เมื่อปีการศึกษา 2560 และมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง นายวิโรฒ สำรวล ผู้อำนวยการโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย ความคืบหน้าในการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2561 พล.ท.โกศล ประทุมชาติ ที่ปรึกษารมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้คณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง ได้สรุปผลสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงนายวิโรฒ ,รองผู้อำนวยการโรงเรียน และผู้เกี่ยวข้องอีก 1 รายเบื้องต้นแล้ว
โดยส่วน นายวิโรฒ ถือว่ามีความผิดวินัยอย่างร้ายแรงแน่นอน เพราะมีการรับเงินแล้วไม่นำเข้าคลัง ส่วนรองผอ.โรงเรียนและผู้เกี่ยวข้อง รวม 2 รายนั้น ยังไม่สามรถเปิดเผยได้ รวมถึงกรณีนี้จะเกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือไม่นั้น ต้องรอให้ทางคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงสรุปผลเป็นทางการก่อน
ทั้งนี้ คณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง ได้เชิญทั้ง 3 ราย มารับทราบข้อกล่าวหาเรียบร้อย ซึ่งถ้ามีข้อโต้แย้งก็เสนอเข้ามาภายใน 15 วัน เพื่อคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง จะไปทำสำนวนใหม่แต่ถ้าไม่มีข้อโต้แย้งก็จะสรุปผลทันทีจากนั้นเสนอคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด(กศจ.)กรุงเทพฯ พิจารณา
อย่างไรก็ตาม กรณีความผิดวินัยร้ายแรง มีโทษปลดออก,ไล่ออก ตรงนี้จะต้องรอข้อสรุปจากคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงอีกครั้งหนึ่ง คาดว่ากรณีของโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย จะแล้วเสร็จไม่เกินเดือนกุมภาพันธ์นี้
“จากข้อมูลพบว่ากรณีขอโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย มีความผิดวินัยอย่างร้ายแรงชัดเจน มีการรับเงิน ประมาณ 7-8 ล้านบาท ซึ่งไม่ใช่แค่กรณีที่เปิดเผยในคลิปรายเดียว มีรายอื่นด้วยจำนวนมาก และเงินก็ไม่ได้เก็บเข้าคลัง ใบเสร็จก็ไม่ได้ออกทันที แต่ออกทีหลัง ซึ่งผิดระเบียบชัดเจน ส่วนใบเสร็จซึ่งออกมาทีหลังจะระบุว่า เป็นรายรับในส่วนใดนั้น เป็นรายละเอียดผมไม่สามารถบอกได้ ตรงนี้อยู่ที่กรรมการสอบสวนวินัยร้านแรง”พล.ท.โกศล กล่าว
สำหรับสาเหตุที่การสอบสวนวินัยฯ มีความล่าช้านั้น เพราะนิติกรที่เข้าตรวจสอบทีมแรก มาจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) กรุงเทพฯ เขต 1 แต่เนื่องจากมีข้อติดขัดต่อมามีการขอถอนตัว คณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง จึงนำทีมนิติกรของตัวเองเข้ามาทำหน้าที่ต่อ
ที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ กล่าวด้วยว่า ส่วนความคืบหน้ากรณีครูเกษียณอายุราชการ ซึ่งเป็นอดีตเลขานุการของผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลลำปาง จังหวัดลำปาง ร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดลำปาง และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) ลำปาง เขต 1 โดยอ้างว่าได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักที่ต้องรับหน้าเป็นหนี้แทนผู้อำนวยการโรงเรียน ที่ให้ไปกู้ยืมเงินมากว่า 10 ล้านบาท และที่ผ่านมา ผู้อำนวยการโรงเรียนคนดังกล่าวได้นำเงินไปใช้ส่วนตัว และระบุว่ามีการกู้ยืมเงินจากครูในโรงเรียนมาให้ผู้อำนวยการโรงเรียนด้วย
แต่เนื่องจากไม่มีความคืบหน้าและผู้อำนวยการโรงเรียนใกล้เกษียณอายุราชการ จึงได้มาร้องเรียนนั้น คณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง ได้สรุปผลสอบแล้วพบว่า มีความผิดจริง โดยคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงเสนอไล่ออกจากราชการ ซึ่งขึ้นตอนต่อไปจะเสนอให้คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) ลำปาง เห็นชอบต่อไป